วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 ปีเดินทางสำรวจขยะทั่วโลก ของผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนหนึ่งใช้เวลากว่า 10 ปีเดินทางสำรวจขยะทั่วโลกเพื่อจะค้นพบว่า"ข้าวของ"กับ"ขยะ"นั้นแทบจะไม่ต่างกันเลย ขึ้นอยู่แค่ว่าคุณเบื่อมันหรือยัง

"หลุมทิ้งขยะ" ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป


แอนนี่ เลนนาร์ด นักเคลื่อนไหวและรณรงค์สายเลือดอเมริกัน วัย 46 เริ่มต้นบทสนทนาด้วยประโยคนั้น ซึ่งกลายมาเป็นเข็มทิศใหญ่ให้ชีวิตเริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยว "หลุมขยะ" ทั่วโลก กินเวลานาน 10 ปี กับอีก 40 ประเทศ

ก่อนข้อมูลทั้งหมดจะถูกแปรรูปและย่อยออกมาเป็น The Story of stuff (เรื่องราวข้าวของ) แอนิเมชั่นน่ารักๆ เข้าใจง่ายๆ แต่ตีแผ่ลัทธิบริโภคนิยม,วัตถุนิยมแบบถึงกึ๋น


ยกตัวอย่างเช่น คนอเมริกันบริโภคทรัพยากร ราวๆ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมด และถ้าทุกคนจะบริโภคแบบอเมริกันชน ก็คงต้องมีโลกไว้สำรองอีก 3-4 ใบ , 99 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งของ จะกลายเป็นขยะภายในเวลาเพียง 6 เดือน ฯลฯ


ปี 2007 วันแรกที่เปิดตัวและปล่อยแอนิเมชั่นความยาว 20 นาทีชุดนี้ออกไป ยอดคลิกเรทสูงถึง 50,000 ครั้ง จนถึงวันนี้มียอดคลิกชม สูงถึง 12 ล้านครั้งแล้ว เฉลี่ยมีคนดูวันละ 10,000 คน

มาเมืองไทยคราวนี้จากเทียบเชิญของมูลนิธิบูรณะนิเวศ,คณะทำงานเพื่อโลกเย็นที่เป็นธรรม,โครงการเราเปลี่ยน โลกเปลี่ยน และโครงการกินเปลี่ยนโลก เธอเพิ่งจะเสร็จสิ้นกับแอนิเมชั่นชุดล่าสุด The Story of cosmetics เจาะกลุ่มคนรักสวยรักงามที่ไม่รู้ว่าตัวเองอ่วมไปด้วยสารพิษ

ฉะนั้น ใครกำลังจะโละมือถือรุ่นเก่า เปลี่ยนโน๊ตบุครุ่นกลางเก่ากลางใหม่ไปเป็นแมคบุ๊คสุดบางเฉียบ หรือกำลังจะซื้อเซรั่มกระชับผิวหน้าจากเคาเตอร์แบรนด์ชื่อดัง

ฟังเธอก่อน...

อะไรคือแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นออกเดินทางค้นหาขยะของคุณ


ฉันโตมาในอเมริกา อยู่ในส่วนที่ยังมีความสวยงามของธรรมชาติอยู่ เราไปแคมปิ้ง ไปเที่ยวป่ากัน ฉันชอบอยู่ในป่า และวันหนึ่ง ป่าก็ถูกตัดไป ฉันสงสัยว่าใครนะตัดต้นไม้ไป ตอนนั้นฉันก็เป็นแค่เด็ก เลยสับสนมากกับเรื่องพวกนี้

พอโตขึ้น ฉันเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในนิวยอร์ค ที่นั่นขยะเยอะมากๆ บนถนน กองถุงดำสูงเกือบท่วมหัวเลยทีเดียว ฉันมาจากเมืองเล็ก ไม่เคยเห็นอะไรมากมายแบบนี้มาก่อน

วันหนึ่งฉันก็สงสัยว่าอะไรกันนักหนาที่อยู่ในถุงขยะเหล่านี้ ก็เลยลองเปิดดู ฉันเห็นแต่กระดาษทั้งนั้นเลย ก็เลยเข้าใจว่าพวกเขาตัดต้นไม้กันไปทำไม

และฉันก็ยังสงสัยอีกว่า ขยะพวกนี้มันไปไหนต่อ ฉันก็เลยไปที่หลุมทิ้งขยะ ครั้งนั้นมันเปลี่ยนชีวิตฉันไปเลยทีเดียว ทุกทิศทางเต็มไปด้วยขยะ สุดลูกหูลูกตา ทั้งอาหาร เสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ

ฉันพยายามทำความเข้าใจกับมัน ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง สิ่งเหล่านี้มันมาจากไหน แล้วไปไหนต่อ และเริ่มเดินทางไปรอบโลก ฉันไปมา 40 ประเทศ ไปดูโรงงานที่ผลิตสิ่งของเหล่านั้นขึ้นมา ไปดูพวกที่ทิ้งขยะมาด้วย พยายามดูว่ามันส่งผลกระทบอะไรบ้าง ก็เลยกลายเป็นว่าสงสัยไปเรื่อย ว่าสิ่งนี้มาจากไหน ทำจากอะไรบ้าง ใครทำ มันไปไหนเมื่อฉันใช้มันเสร็จแล้ว และฉันก็พบกับความประหลาดใจเสมอเลย

ฉันมาเอเชียบ่อย เพราะอเมริกาส่งขยะจำนวนมากมาทิ้งที่เอเชีย เลยต้องตามมาดู คุณจำคลองเตยได้ไหม นานมาแล้วนะ ตอนไฟไหม้ เพราะใครบางคนเอาของเสียเข้ามาจากหลายประเทศ แล้วก็เอามากองไว้ที่ท่าเรือ พอไฟไหม้ ก็หายนะเลย สารเคมีรั่วออกมาเยอะมาก

ในการเดินทางไปทำเรื่องพวกนี้ มีอุปสรรคบ้างหรือเปล่า

มากเลยล่ะค่ะ บางบริษัทก็เข้ามาร่วมมือนะ เขาพยายามจะทำให้มันดีขึ้นจริงๆ เขาพยายามจะหาสิ่งมาทดแทนสารเคมีที่เป็นพิษ ในผลิตภัณฑ์ของเขา แต่กับบางบริษัทก็สนใจแต่ผลกำไรเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นจริงเป็นจังหรอก บริษัทพวกนี้จะซ่อนบางอย่างไว้


สมัยที่ จอร์ ดับเบิ้ลยู บุช เป็นประธานาธิบดี รัฐบาลเป็นอุปสรรคอีกอย่าง รัฐบาลไม่ค่อยสนใจสิ่งแวดล้อมเลย ไม่ค่อยสนใจคนด้วย เราก็ทำได้แค่หวังกับ โอบามา ว่าเขาจะเป็นมิตรกับเราบ้าง (ยิ้ม)

ฉันคิดว่ารัฐน่าจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้อง ดูแลสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่คอยปกป้องผลกำไรของพวกบริษัทเหล่านั้น สิ่งนี้แหละคือปัญหาใหญ่ ว่าอะไรคือบทบาทของรัฐบาล

มีตัวอย่างอะไรที่มันโดนใจบ้าง ในการเดินทาง ทั้งดีและไม่ดี


ที่ทำร้ายจิตใจฉันมากเลยคือ ที่เมืองโภปาล ในประเทศอินเดียตอนกลาง มีบริษัทอเมริกันตั้งอยู่ ผลิตยาฆ่าแมลง ที่นั่นมีสารเคมีเยอะมาก และมันอยู่กลางเมืองที่มีคนอาศัยอยู่ด้วย เขาจัดการด้านความปลอดภัยได้แย่มากๆ ไม่มีความระมัดระวัง และเขาก็รู้นะว่าเขาไม่ได้ป้องกัน มีหลักฐานแสดงไว้มากมาย


แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง สารพิษพวกนั้นก็รั่วออกมาจากโรงงาน เข้าไปสู่เมืองที่มีคนจนๆ อาศัยอยู่ คนที่นั่นบอกว่า มีควันมา รู้สึกแสบตาเหมือนถูกเผา ทีแรกนึกว่ามีคนกำลังเผาพริกอยู่ แต่มันก็มาเรื่อยๆ จนคนเริ่มวิ่งหนีกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าไอ้สารเหล่านี้มาจากไหน พวกเขาวิ่งไปเป็นชั่วโมงๆ กลุ่มควันเหล่านั้นก็ยังคงตามเขามา สุดท้ายคนตายไปเกือบ 20,000 คน ฉันไปที่เมืองนั้นบ่อย มันแย่มากๆ เลย

ฉันเคยเห็นรูปถ่าย ตอนเช้าหลังจากเกิดเหตุขึ้น มีเด็กนอนตายกันบนถนน พ่อแม่กำลังมองดูศพพวกนั้น มันแย่มาก บริษัทนั้นก็ยังอยู่ที่เดิมนะคะ นานกว่า 20 ปีแล้วก็ยังไม่ยอมเปิดเผยว่าอะไรอยู่ในแก๊สที่รั่วไหลในวันนั้น หมอก็พยายามช่วยคน แต่ก็ไม่มีใครบอกว่าอะไรอยู่ในแก๊ส

ศาลอินเดียเรียกตัวประธานบริษัทนั้นมา แต่เขาก็ไม่มา เขายังมีชีวิตอยู่อย่างสบายในอเมริกา นี่แค่ตัวอย่างหนึ่ง ว่าบริษัทใหญ่มองคนจนๆ ว่าไร้ค่า น่าเสียใจมาก

เรื่องดีๆ ก็มี เช่น สารเคมีเขียว (Green Chemistry) สิ่งเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1950 มาจากการคุยกันของนักเคมีว่า เราสามารถพัฒนาเคมีภัณฑ์แบบใหม่ที่ไม่ทำร้ายสุขภาพได้หรือเปล่า เป็นสารชีวภาพ เคมีสีเขียว มันน่าทึ่งมาก เรามีทางที่จะลดอันตรายจากพวกมันลงได้ ลดการใช้สารพิษลง เช่น สารใหม่ ที่ทำให้การทาสี ทากาวไม่เป็นพิษอีกต่อไป

เรื่องดีๆ กับเรื่องแย่ๆ อันไหนมากกว่ากัน

ถ้าเป็นทุกวันนี้ เรื่องที่แย่ๆ คงมีมากกว่า

จาก The Story of stuff เน้นเสียดสีการบริโภคเยอะๆ เลยอยากถามคุณว่า แล้วการจะมีของน้อยๆ แต่สนุกเยอะๆ ทำได้ไหมและทำได้อย่างไร

ทุกวันนี้เราถูกยัดเยียดด้วยข้อความที่ว่า "มีของเยอะๆ สิ ถึงจะสนุก" สิ่งหนึ่งที่เราจะสามารถทำเพื่อหยุดข้อความนั้นได้คือ ต้องไม่ให้มีการโฆษณามากมายขนาดนั้น


ในประเทศอังกฤษ มีมูลนิธิหนึ่งทำรายงานเรื่องดัชนีความสุขออกมาทุกๆ ปี แล้วดูว่า ประเทศต่างๆ เขามีความสุขกันอย่างไร เทียบกับปริมาณทรัพยากรที่ใช้ไป มีการจัดอันดับ ปีที่แล้วมีทั้งหมด 178 ประเทศ อเมริกาอยู่ที่ 158

อันดับ 1 คือ คอสตาริกา เขามีความสุขมากกว่าอเมริกา ใช้ทรัพยากรแค่ร้อยละ 25 ของอเมริกา ประเทศไทยอยู่ที่ 32 ดังนั้นไทยดีกว่าอเมริกามากๆ แสดงว่าคุณมีความสุขมากกว่าทรัพยากรที่คุณใช้ไป มีการจัดการทรัพยากรให้กลายเป็นความสุขของคนได้ดีมากๆ

เมื่อคุณรู้มากๆ แล้วทำให้การใช้ชีวิตของคุณยากขึ้นหรือเปล่า

ไม่หรอก แต่บางทีก็เหนื่อยนะ เหมือนจะเป็นไมเกรน เพราะทุกครั้ง ฉันชอบคิดว่า ไอ้ของสิ่งนี้มันมาจากจีน มาจากมาเลเชีย แล้วพอใช้เสร็จมันก็จะต้องไปสู่หลุมขยะ ที่ ฉันหยุดคิดไม่ได้เลย ว่ามันมาจากไหน มันไปไหนต่อ บางทีฉันก็อยากให้สมองหุบปากบ้าง (หัวเราะ)



แล้วทำให้ชีวิตสมดุลอย่างไร


สิ่งสำคัญเลยคือ อย่าโทษตัวเองเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งนึงที่พวกบริษัทมักจะทำกันคือ บอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นปัญหาของพวกคุณ ขยะเกิดขึ้นเพราะพวกคุณเลือกที่จะใช้ถุงพลาสติกเอง เพราะคุณใช้แท็กซี่แทนจักรยาน พวกบริษัทเหล่านี้ชอบโยนให้มันเป็นปัญหาของคุณ แต่เราไม่มีทางเลือก เราไม่ได้เป็นคนใส่สารพิษลงไป เรามีส่วนตัดสินใจหรือ เปล่าเลย บริษัทเหล่านั้นต่างหาก

บางทีฉันก็ทนไม่ได้นะ ที่เห็นนักสิ่งแวดล้อมบางคนคิดว่า เราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการปิดไฟในห้อง การเปลี่ยนหลอดไฟ การขี่จักรยานแทนขับรถ การเอาขวดน้ำไปเอง แล้วเราจะแก้ปัญหาได้ เพราะแม้เราทำทุกอย่างที่ว่านี้แล้วมันก็ยังไม่พอหรอก เหมือนการว่ายทวนน้ำ กระแสของเศรษฐกิจมันถาโถมมาที่เรา ฉะนั้นมันต้องแก้ที่ทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ

ที่บ้านคุณมีสารพิษอะไรบ้าง

มีบ้าง ไม่เยอะมากหรอก ฉันเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องพวกนี้


ฉันไปทดสอบสารพิษในตัวมา ตรวจจากเลือด จากเส้นผม ฉันไม่ได้อยากให้ใครต้องมาเคร่งแบบฉันนะ ฉันไม่ใช้พีวีซี ไม่ใช้กะทะเทฟล่อน ไม่ใช้สเปรย์ฉีดผม ฉันเข้มงวดมากไม่ให้ของพวกนี้เข้ามา แต่ร่างกายฉันก็ยังมีสารพิษมากมายอยู่ดี

ฉันว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่า เขาสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้ ถ้าเขาเรียนรู้มามากพอ ถ้ามีทางเลือกที่ดีในร้านขายของ และถ้ารวย เขาอาจจะซื้อผลิตภัณฑ์ธรรมชาติใช้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะป้องกันตัวเอง เมื่อคุณอาศัยอยู่ในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ คนทั้งโลกมีสารพิษอยู่ในตัวกันทั้งนั้น

มีการตรวจเลือดเด็กเกิดใหม่ในอเมริกา พบว่ามีสารพิษทั้งทางเกษตรและอุตสาหกรรมอยู่ในเด็กแรกเกิด 287 ชนิด หมายความว่าเด็กที่เพิ่งเกิดมาก็มีมลทินเรียบร้อยแล้ว นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกไป

อะไรเป็นตัวจุดประกายให้ทำ "เรื่องราวของเครื่องสำอาง" (The Story of Cosmetics)

เพราะมันเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นไปอีก เรื่องเครื่องสำอางค์จะสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับเรื่องสารเคมีที่เป็นพิษ หรือ สารพิษ


มีสารเคมีกว่าพันชนิดถูกห้ามใช้ในเครื่องสำอางของยุโรป แต่ในอเมริกา แค่ 12 ชนิดเอง เราก็ไปบอกเขาว่า เอาสารพิษออกไปเถอะ แต่เขากลับบอกว่า ไม่มีทาง

แปลถ้าเราอยากสวย เราก็ต้องยอมเสี่ยง?

คุณหมายถึงความสวยคืออันตรายใช่ไหม แย่กว่านั้นอีก เราต้องเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับความสวยเชียวล่ะ

มาเมืองไทยคราวนี้ ฉันไปสยาม เซ็นเตอร์กับลูกสาวมา ที่นั่นน่าเกลียดมาก โอ้...พระเจ้า

ทำไมถึงน่าเกลียด

หลายเหตุผลเลย มันเป็นเรื่องของการบริโภคนิยม คุณหาความหมายของชีวิตจากสิ่งที่คุณซื้อหามา แล้วของพวกนั้นก็แพงเอามากๆ เราก็เลยต้องหาเงินให้ได้มากๆ ตามไปด้วย ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็เลยมากขึ้นไปด้วย ฉันอยากเห็นทุกคนมีอาหารกิน มากกว่าจะเห็นคนหนึ่งอด อีกคนมีกระเป๋าราคาเป็นหมื่น

คุณเชื่อว่าชีวิตมีทางเลือกหรือเปล่า

ใช่ ชีวิตควรมีทางเลือก และสำคัญเลยว่ามันควรเป็นทางเลือกที่ดีขึ้นด้วย แต่ต้องจำไว้ว่าทางเลือกนั้นมีผลกระทบกลับมาหรือไม่ พวกนักออกแบบ หรือรัฐบาลก็มีทางเลือก และทางเลือกของพวกเขาก็ส่งผลกระทบมากๆ ด้วย ฉะนั้นเราต้องไปบอกบริษัทให้เลือกทางที่ถูกต่างหาก เพราะเราทำแล้วมันเปลี่ยนได้แค่นิดเดียว แต่หากพวกเขาทำ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นใหญ่โตมาก


สตีฟ จ๊อบส์ ฉันเกลียดหมอนี่มาก แอปเปิ้ลผลิตขยะเยอะมาก ฉันไม่ชอบเลย พวกนี้ชอบทำให้คิดว่าใช้ของเขาแล้วเจ๋ง กรุงเทพฯ นี่มีโฆษณาแอปเปิ้ลทุกที่เลยนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องของการใช้งานแล้ว มันเป็นเรื่องของแฟชั่น เขาต้องรับผิดชอบกับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป

คุณคงเคยได้ยินเรื่องโรงงานไอโฟนในประเทศจีนแล้ว?

เพิ่งมีคนส่งรูปถ่ายของที่นั่นให้ฉันเมื่อวานนี้เอง เรื่องฆ่าตัวตาย ว่าต้องมีการเซ็นสัญญาแล้วว่าถ้าคุณทำงานที่นี่ จะต้องไม่ฆ่าตัวตาย มันบ้ามาก


ฉันมีเพื่อนหลายคนที่รู้เรื่องอิเลคทรอนิคส์ เขาบอกว่าเหตุผลที่คนฆ่าตัวตายกัน ก็เพราะแรงกดดันที่ต้องทำงานด่วนมากๆ แล้วการแก้ปัญหาของแอปเปิ้ล คือเอาตาข่ายมากันคนโดด บ้าชัดๆ

แล้วตอนนี้คุณใช้โทรศัพท์อะไร


แบล็คเบอร์รี่ แต่ฉันมีเหตุผลนะ ฉันเดินทางบ่อย ต้องใช้รับส่งอีเมล์เป็นประจำ ใช้จนเยินมากแล้ว ต้องพันเทปกันมันหลุดออกจากกัน(ยิ้ม)

คุณเคยโดนขู่บ้างไหม

มีบ้าง เป็นคนกลุ่มเล็กๆ ในอเมริกา เป็นพวก "ต่อต้านนักอนุรักษ์แบบสุดโต่ง" น่ากลัวนะ มีปืนด้วย เขาส่งอีเมลมาว่า เขาจะมาฆ่าฉัน ฉันก็คิดว่า คุณจะมาฆ่าฉันเพราะฉันเรียกร้องให้ผลิตภัณฑ์พวกนั้นมีความปลอดภัยมากขึ้นเนี่ยนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธขนาดนั้น แปลกมากๆ แต่เป็นกลุ่มคนบ้าเล็กๆ นั่นล่ะ ตำรวจกับเอฟบีไอก็จับตาดูอยู่

ถ้าจะถามว่า ราคาแท้จริงของโน๊ตบุคเครื่องหนึ่ง ประมาณเท่าไหร่

ตอนทำเรื่อง ‘เรื่องราวข้าวของ’ (Story of stuff) ฉันจ้างให้นักเศรษฐศาสตร์มาช่วยวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงของโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งให้ พอเริ่มทำกันไปก็พบว่า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราต้องรวมมูลค่าไปถึงเด็กในคองโก ที่ต้องเลิกเรียนไปทำงานในเหมือง รวมถึงคนงานเหมืองในแอฟริกาที่ต้องเสียแขนไป ต้องรวมคนงานที่โดดตึกในจีนด้วย และเพราะเขาหายใจเอาสารพิษเข้าไป ก็เลยลามไปถึงลูกๆ และโรงงานเหล่านั้นก็ปล่อยสารพิษลงในแม่น้ำ ทั้งในจีน และอินเดีย นักเศรษฐศาสตร์ของฉันเลยบอกว่าเป็นไปไม่ได้


เขาดูมูลค่าของโน้ตบุ๊คโดยศึกษาวัสดุ 7 ชิ้น ที่ก่อให้เกิดมลพิษ 7 อย่าง แล้วพบว่า โน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งมีมูลค่ามากกว่าราคาของมัน ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว นั่นดูแค่ปัจจัย 7 อย่างเท่านั้นนะ เมื่อเราซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งราคา 1,000 - 2,000 ดอลลาร์ เราไม่ได้จ่ายค่าตัวเครื่อง แต่คนงานเหมืองในคองโก ในแอฟริกา คนงานในจีนต่างหากที่จ่าย

ตอนนี้คุณใช้เทคโนโลยีสีเขียวอะไรบ้าง

ฉันมีแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่บ้าน มีพลังงานมากเกินที่ฉันจะใช้ได้ทั้งบ้าน พอจะชาร์จกับรถพลังงานไฟฟ้าได้ด้วย

บางครั้งเทคโนโลยีสีเขียวเป็นเรื่องของคนรวย ทำอย่างไรคนจนถึงจะเป็นมิตรกับโลกบ้าง

เมื่อคุณพยายามจะทำสิ่งดีๆ กับโลก เหมือนคุณว่ายทวนน้ำ ฉันซื้อโซล่าร์เซลล์ กับรถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งแพงกว่ารถธรรมดา แต่ในตอนนี้คุณสามารถจ่ายได้ถูกลงเพื่อทำอะไรๆ ให้ถูกต้อง


ในเมื่อรัฐบาลมีเงินสร้างโรงงานนิวเคลียร์ได้ ทำไมจะทำให้คนจนมีแผงโซลาร์ใช้ไม่ได้ เงินอุดหนุนนี่เป็นเรื่องชัดเจน ว่ารัฐบาลจะทำเพื่อบริษัทใหญ่ๆ หรือประชาชน มันเป็นคำถามสำคัญถึงรัฐบาลเลย

ฉันเชื่อว่างานของรัฐบาลคือรับใช้ประชาชน

....................................................

(หมายเหตุ : ติดตามแอนิเมชั่นทุกเรื่องของแอนนี่ เลนนาร์ดได้ที่ www.storyofstuff.com)

อินโดฯเรียก ปตท.สผ.1.1 พันล้านดอลล์ทำน้ำมันรั่ว

อินโดฯเรียก ปตท.สผ.1.1 พันล้านดอลล์ทำน้ำมันรั่ว

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553 - http://www.suthichaiyoon.com/detail/5167


รัฐบาลอินโดนีเซียยื่นข้อเรียกร้องปตท.สผ. ชดเชยความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม 1.1 พันล้านดอลลาร์ เหตุน้ำมันรั่วจากเหตุไฟไหม้แท่นขุดเจาะมอนทารา ปลายปี 2552 ส่งผลคราบน้ำมันแพร่กระจายกินเนื้อที่ 9 หมื่นตารางกิโลเมตร ไหลเข้าน่านน้ำอินโดนีเซีย กระทบชาวประมงกว่า 18,000 คน รวมทั้งฟาร์มสาหร่าย-ฟาร์มหอยมุก

ด้านผู้บริหาร ปตท.สผ.ชี้ผู้เรียกร้องต้องนำหลักฐานมาพิสูจน์ เผยยังไม่ผ่านกระบวนการพิสูจน์ ยันต่างจากน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก เตรียมชี้แจงรัฐบาลและสื่ออินโดฯ โดยแจ้งตลาดหุ้น รับอินโดฯ เรียกค่าเสียหาย ชี้ต้องตั้งคณะทำงานร่วมตรวจสอบผลกระทบจริงหรือไม่

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างนายเฟรดดี นัมเบริ รัฐมนตรีคมนาคม อินโดนีเซีย วานนี้ (26 ส.ค.) ว่า ทางการอินโดนีเซีย ยื่นเรื่องเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมมูลค่ามากกว่า 1,100 ล้านดอลลาร์ จากเหตุน้ำมันรั่วจากแท่นขุดเจาะของบริษัทลูก ปตท. นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย

นายนัมเบริ ระบุว่า เงินชดเชยจำนวนดังกล่าว ถือเป็นจำนวนที่มากพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ คณะตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซียแจ้งข้อเรียกร้องดังกล่าวระหว่างเข้าเจรจา กับบริษัท ปตท.ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย วันเดียวกันนี้

นายนัมเบริ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะตัวแทน ที่จะเข้าร่วมเจรจาที่เมืองเพิร์ธ กล่าวว่า มีข้อมูลอย่างละเอียดมาสนับสนุนการเรียกเงินชดเชยก้อนนี้ ท่ามกลางกระแสคำถามที่ว่าความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลและการประมงที่เกิดจากเหตุน้ำมันรั่วเมื่อปีที่แล้ว สามารถพิสูจน์ได้จริงหรือไม่

ปตท.สผ.ชี้หลักฐานยังไม่ชัดเจน

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย หรือ พีทีทีอีพี เอเอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ซึ่งได้รับหนังสือเรียกร้องจากรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อขอค่าชดเชยความเสียหายจากเหตุการณ์มอนทาราแล้ว พบว่าหนังสือดังกล่าวไม่มีหลักฐานชัดเจนที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลอินโดนีเซียนั้น "จำนวนเงินชดเชยยังไม่ใช่ประเด็นขณะนี้ เราต้องตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อตรวจสอบว่าเกิดผลกระทบจริงหรือไม่ เราพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในจุดนั้นๆ" นายอนนต์ กล่าว

ทั้งนี้ การรั่วไหลของน้ำมันดิบในทะเลติมอร์ ซึ่งเรียกกันว่า "เหตุน้ำมันรั่วมอนทารา" ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.-3 พ.ย. 2552 นับเป็นครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย

หลักฐานที่ส่งไปยังคณะกรรมการสอบสวน แสดงให้เห็นว่าคราบน้ำมันมอนทาราแพร่กระจายครอบคลุมพื้นที่ 90,000 ตารางกิโลเมตร และเข้ามาในน่านน้ำของอินโดนีเซีย ตามรายงานของกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ

มูลนิธิดูแลรักษาติมอร์ตะวันตก ซึ่งให้ความช่วยเหลือชาวประมงยากจนทางตะวันออกของอินโดนีเซีย ประเมินว่า น้ำมันที่รั่วไหลส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมงกว่า 18,000 คน รวมถึงฟาร์มสาหร่ายและฟาร์มหอยมุกในบริเวณดังกล่าวด้วย

ปตท.สผ.ยันระงับเหตุตั้งแต่เริ่มต้น

นายอนนต์ กล่าวถึงการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายกรณี น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหลในแหล่งมอนทารา ของรัฐบาลอินโดนีเซียนั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายผู้เรียกร้องจะต้องนำหลักฐานมาพิสูจน์ว่ามีเหตุผลรองรับข้อกล่าวหาอย่างไร

เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้แท่นขุดเจาะมอนทารา เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุ ปตท.สผ.ได้เข้าควบคุมตั้งแต่เริ่มต้น โดยมีกระบวนการระงับเหตุ เริ่มตั้งแต่นำเครื่องบินโปรยสารเคมีเพื่อดับไฟ และใช้เรือออกไปกำจัดคราบน้ำมัน รวมทั้งติดตามสถานการณ์หลังเกิดเหตุอย่างน้อย 2-3 เดือน จนแน่ใจว่าไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม การระงับเหตุตั้งแต่เริ่มต้นทำให้ผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้แท่นขุดเจาะจำกัดวงอยู่เฉพาะแท่นผลิตเท่านั้น

ระบุอินโดฯต้องแสดงหลักฐานพิสูจน์

" ปตท.สผ. ได้เปิดโอกาสที่จะให้มีการแสดงหลักฐานต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในน่านน้ำอินโดนีเซียจริงหรือไม่ ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงหรือพิจารณาว่า ปตท.สผ. จะต้องรับผิดชอบตัวเลขค่าชดเชยความเสียหายอย่างไร เพราะยังไม่ผ่านกระบวนการพิสูจน์ ฉะนั้นข่าวที่เผยแพร่ออกมา จึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและสับสน ซึ่ง ปตท.สผ.จะได้ชี้แจงกับรัฐบาล และสื่อของอินโดนีเซีย รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงในด้วย"

นายอนนต์ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกของบริษัทบีพี ถือว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีของบีพี มีความชัดเจนและมีหลักฐานปรากฏว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมานั้นได้สร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมจริง แต่สำหรับกรณีของ ปตท.สผ.นั้นได้มีการระงับเหตุตั้งแต่เริ่มต้นไปก่อนแล้ว และได้มีการตรวจสอบผลกระทบอย่างต่อเนื่อง จนแน่ใจไม่มีผลกระทบเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ระยะนี้มีผู้ให้ข้อมูลที่สับสน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ปตท.สผ. ซึ่งบริษัทอาจพิจารณาเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ให้ข่าวที่ทำให้เกิดความเสียหายในครั้งนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลออสเตรเลียศึกษาและวิจัยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว โดยจะเผยแพร่ผลการศึกษาให้สาธารณชนรับทราบต่อไป

ปตท.สผ.แจ้งตลาดหุ้นถูกเรียกชดเชย

ขณะเดียวกัน วานนี้ (26 ส.ค.) นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานโครงการต่างประเทศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย จากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหล ในแหล่งมอนทารา

เนื่องมาจากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหล ในแหล่งมอนทารา โครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย ในทะเลติมอร์ เมื่อปี 2552 นั้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ขอแจ้งว่าเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย พีทีวาย จำกัด หรือ พีทีทีอีพี เอเอ (บริษัทย่อยของ ปตท.สผ.) ได้รับเอกสารเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายเนื่องมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวจากรัฐบาลอินโดนีเซียแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่พิสูจน์ให้เห็นความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ยันมีประกันภัยไว้270ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ นายอนนต์ ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แหล่งมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเกิดไฟไหม้ โดยยอมรับว่าการที่แหล่งมอนทารา ของบริษัทพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย เกิดเพลิงไหม้ ทำให้แผนการผลิตต้องเลื่อนออกไปจากเดิมกำหนดไว้ปลายปี 2552 ที่ 35,000 บาร์เรลต่อวัน ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ บริษัทได้ประกันภัยไว้ วงเงินสูงสุด 270 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาส 4 ปี 2552

"ตอนที่น้ำมันรั่วครั้งที่แล้ว บันทึกค่าใช้จ่ายในไตรมาส 3 ประมาณ 5,174 ล้านบาท กระทบกำไรเพียง 2,198 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนการผลิตคงต้องเลื่อนออกไป น่าจะไตรมาส 2 ของปี 2553 จากเดิมคาดจะผลิตได้ในปลายปี 2552"

โดยเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่กระทบแผนการลงทุนของบริษัท ยังเดินหน้าหาโอกาสลงทุนแหล่งอื่นๆ ในออสเตรเลีย เพราะแม้ว่าแหล่งมอนทาราจะเกิดปัญหาทั้งน้ำมันรั่วและไฟไหม้ แต่ปริมาณน้ำมันสำรองยังอยู่ที่ 40 ล้านบาร์เรลต่อวัน เชื่อว่าบริษัทจะแก้ปัญหาได้ โดยประสานกับรัฐบาลออสเตรเลียต่อเนื่อง ทั้งการกำจัดคราบน้ำมัน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ส่วนบรรยากาศการเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีอีพี เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) เปิดตลาดที่ระดับ 144 บาท จากนั้นราคาหุ้นอ่อนตัวลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 141 บาท ก่อนที่ราคาหุ้นกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ระดับ 124 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.70% โดยมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 977.94 ล้านบาท

องค์กรเอกชนในอินโดนีเซียชี้เหตุน้ำมันรั่วจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในเครือของบริษัท ปตท.สผ. ส่งผลกระทบต่ออ

องค์กรเอกชน "เวสต์ติมอร์แคร์ฟาวน์เดชั่น ในอินโดนีเซียระบุว่า ชาวประมงกว่า 7,000 คน ในจังหวัดอีสต์ นูซา เตงการา ของอินโดนีเซียได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันจากแท่นขุดเจาะเวสต์ แอตลาส ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทปตท.สผ. ของไทยแล้ว หลังน้ำมันไหลลงสู่ทะเลติมอร์หลายพันบาร์เรลตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ปลาตายและทำลายอาชีพของประชาชนในหมู่บ้านยากจนตามแนวชายฝั่งทะเลติมอร์ นายเฟอร์ดี ทาโนนี จากมูลนิธิเวสต์ ติมอร์ แคร์ ฟาวน์เดชั่น ที่ให้การสนับสนุนชาวประมงผู้ยากจนทางตะวันออกของอินโดนีเซียกล่าวว่า รายได้ของชาวประมงลดลงถึงร้อยละ 40 หลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล ส่วนกองทุนสัตว์ป่าโลกกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของออสเตรเลีย โดยมีน้ำมันกว่า 400,000 ลิตรรั่วไหลแผ่กระจายกินบริเวณกว้างราว 10,000 - 25,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตสัตว์ทะเล ทั้งปลาโลมาและเต่าทะเล.

อินโดฯรีดปตทสผ 35หมื่นล้าน ชดใช้น้ำมั่นรั่ว

อินโดนีเซียเล็งเรียกเงิน ราว 35,200 ล้านบาท ชดเชยความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม เหตุแท่นขุดเจาะน้ำมันในเครือปตท.สผ.ของไทย เกิดไฟไหม้และระเบิด นอกชายฝั่งออสเตรเลียปีที่ีแล้ว จนน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลติมอร์ถึงน่านน้ำอินโดฯ...

นายเฟรดดี้ นัมเบอรี รมว.คมนาคมของอินโดนีเซีย เผยต่อสำนักข่าวออนไลน์ ดาวน์ โจนส์ นิวส์ไวร์เมื่อ 26 ส.ค. ว่า อินโดนีเซียจะเรียกค่าชดใช้ถึง 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว 35,200 ล้านบาท) เป็นค่าชดเชยความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม กรณีที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน มอนทาราของบริษัท พีทีที ออสเตรเลเซียในเครือบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด มหาชน (ปตท.สผ.) หรือ พีทีทีอีพีของไทย เกิดไฟไหม้ และระเบิดที่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือออสเตรเลียปีที่แล้ว ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลติมอร์ถึงน่านน้ำอินโดฯ

นายนัมเบอรี นำคณะผู้แทนรัฐบาลอินโดฯ ไปเจรจากับพีทีที ออสเตรเลเซีย ที่เมืองเพิร์ธใน 26 ส.ค. โดยเผยว่าจะยื่นขอค่าชดใช้ขณะเจรจา ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอ ข้อเรียกร้องมีข้อมูลอย่างละเอียดสนับสนุน แม้มีข้อสงสัยว่าความเสียหายด้านระบบนิเวศน์วิทยาทางทะเล และการประมงที่อินโดฯ กล่าวอ้างนั้นสามารถพิสูจน์ความจริงได้หรือไม่

ขณะที่นายอานนท์ ศิริแสงทักษิณ ประธานบริหารปตท.สผ. เผยว่ายังไม่ได้รับข้อเรียกร้องขอค่าเสียหายจากอินโดฯ ตอนนี้จำนวนเงินไม่ใช่ประเด็น แต่เราต้องตั้งองค์กรร่วมเพื่อพิสูจน์ความจริงของหลักฐานว่า มีผลกระทบจากน้ำมันรั่วจริงหรือไม่ และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลอินโดฯ

การรั่วไหลของน้ำมันจากแท่นขุดเจาะมอนทาราในช่วง 21ส.ค.-3ก.ย. 2552 นับเป็นการรั่วไหลของน้ำมันดิบนอกชายฝั่ง ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย แม้จะน้อยกว่าเหตุน้ำมันรั่วจากแท่นขุดเจาะของบริษัท บีพีของอังกฤษนอกชายฝั่งเม็กซิโกในปีนี้ แต่กินเวลานานหลายเดือน ขณะที่ทางบริษัทพยายามอุดรูน้ำมันรั่ว โดยใช้วิธีขุดบ่อควบคุมความดันจนสำเร็จในที่สุดเช่นเดียวกัน

องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล” (WWF) เผยว่า จากหลักฐานที่ถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนชุดหนึ่งระบุว่า น้ำมันดิบที่รั่วจากแท่นมอนทาราขยายวงกว้างเกือบ 90,000 ตร.กม. และลามเข้าสู่น่านน้ำอินโดฯด้วย ส่วนมูลนิธิรักษ์ติมอร์ตะวันตก ซึ่งคอยสนับสนุนชาวประมงที่ยากจนทางภาคตะวันออกอินโดฯ ประเมินว่าน้ำมันที่รั่วไหลส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมงราว 18,000 คน ขณะที่ธุรกิจต่างๆ อาทิ ฟาร์มสาหร่ายทะเลและหอยมุกก็ได้รับผลกระทบด้วย

อนึ่ง หลังเหตุน้ำมันรั่วที่อ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีน้ำมันรั่วลงทะเลราว 4.9 ล้านบาร์เรล บริษัทบีพีได้ตั้งกองทุนชดใช้ความเสียหายแล้วถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 640,000 ล้านบาท)

โรงแยกก๊าซ ปตท. กับ SIX SENSES - ลางสังหรณ์ และประเทศไทย

โรงแยกก๊าซ ปตท. กับ SIX SENSES - ลางสังหรณ์ และประเทศไทย

ผมไม่รู้ว่า คุณเชื่อเรื่องลางสังหรณ์หรือไม่ เพราะอย่างน้อย ประเทศไทยขณะนี้ เรามีรัฐบาลและนายก ที่ผิดพลาดในการแก้สถานการณ์ แล้วอ้างว่าเป็นเรื่องคาดไม่ถึง รู้ทั้งรู้ว่า มีคนจะเผาบ้านเผาเมือง แต่ปกป้องไม่ได้ ปล่อยให้ไหม้ไฟไปทั้งที่กลางกรุง และศาลากลางจังหวัด ประเทศนี้ มีผู้นำเป็นแบบนี้ อะไรๆที่เลวร้าย ย่อมเกิดขึ้นได้

.

.

.

ผมค่อนข้างเชื่อนะ และดันเชื่อเรื่อง ... ที่ดันมีผลกระทบมากๆ กับประเทศ

คุณ...งงมั้ย! โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเรื่อง รักสิ่งแวดล้อมอะไรนั่น

ต้นปี 2552 นายกอภิสิทธ์ ประกาศ ตูมตาม ให้มาบตาเป็นเขตควบคุมมลพิษ ผมเรียกร้องมาตั้งแต่ปี 2544 ด้วยใบปลิวที่ถาม ทำไม...ไม่ประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตปลอดมลพิษ และจู่ๆ ไตรมาศ เกือบสุดท้ายของปี 2552 ก้อมีคำสังของศาลปกครองให้ระงับ 72 โครงการ หรือ 65 โครงการอะไรนั่น ... โยงโรงแยกก๊าซ ที่ 6 ของ ปตท. เข้าไปถูกระงับด้วย และดันเป็นตัวชูโรงของโครงการที่ถูกระงับ ทั้งๆที่เป็นโครงการไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม(พลังงานสะอาด) โดยการเรียกร้องความสนใจ เรื่องผลกระทบมากมายกับระบบเศรษฐกิจของชาติบ้างล่ะ เรื่องผลกระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุน ว่าเป็นโครงการต่อเนื่องกันบ้างล่ะ เรื่องราคาก๊าซบ้างล่ะ การจ่ายค่าชดเชยเข้ากองทุนน้ำมันที่ไม่เป็นธรรมของประชาชนบ้างล่ะ ... ขอผ่านโดยยื่นอุทรณ์ ก้อแล้วศาลยังคง ระงับซ้ำๆ งงมั้ย ทำไม! ยังคงถูกระงับซ้ำๆ จน 27 เดือน พฤษภาคม 2553 มีคนไปร้องกับศาลปกครอง ว่าโรงแยกก๊าซ ปตท. อาจทรุดพังระเบิด เพราะไม่ได้ตอกเสาเข็มทั้งหมดใน 2 โรงแยกก๊าซใหม่ แถมยังมีคลังก๊าซขนาดมากกว่า รถก๊าซจอดรวมกัน 4,200 คัน ถ้าเกิดระเบิดพร้อมกันทั้งหมดล่ะครับ ครบรอบ 20 ปี รถก๊าซระเบิด ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอดีเลย อีกไม่กี่เดือน เดือนกันยายน 2533 นั่นมั้ย

เหตุเกิดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 24 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. รถบรรทุกแก๊สที่ขับโดยนายสุทัศน์ ฟักแคเล็ก พยายามขับลงทางด่วนเพชรบุรีตัดใหม่ด้วยความเร็วเพื่อที่จะข้ามผ่านให้พ้นไฟแดง แต่รถได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ จากนั้นตัวรถได้ไถลไปกับพื้น ด้วยแรงเสียดสีกับพื้นถนน ทำให้ถังบรรจุแก๊สรูปแคปซูล 2 ถัง ถังละ 20,000 ลิตร หลุดออกจากตัวรถ และเกิดเป็นความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการเพิ่มแรงอัดให้กับแก๊สที่บรรจุอยู่ภายในถังเหล็กไม่อาจทนแรงเสียดสีได้ปริแตก แก๊สที่บรรจุอยู่ภายในได้พวยพุ่งออกมาและเกิดเป็นประกายไฟและระเบิดขึ้นมาด้วยเสียงสนั่นหวั่นไหวหลายครั้ง ทำให้บริเวณถนนเพชรบุรตัดใหม่และละแวกใกล้เคียงกลายเป็นทะเลเพลิงภายในชั่วเวลาไม่กี่วินาที

นั่นล่ะ ทำไมเรื่องนี้ ผ่านจนมาถึงศาลปกครอง ทั้งที่ผ่านนายกอภิสิทธิ์(ส่งด้วยมือพร้อมบอก) อดีตนายกอานันท์(ส่งด้วยมือพร้อมบอก) รวมทั้งส่งให้ รมต. 3-4 คน สส. ระยอง ผู้ว่าฯระยอง คกก.4ฝ่าย คณะอนุฯรับฟัง เรื่องส่งไปยัง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย รวมถึงส่งไปยัง ซีอีโอ ของ ปตท.เองมาตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2552 ปีที่แล้ว ทุกส่วนทุกฝ่ายเงียบหมด รวมไปถึงสื่อมวลชนทุกสำนักในประเทศนี้ ทั้งเอเอสทีวี ที่จะขอคืน ปตท. ด้วย สมาคมนักข่าวระยอง สว. คนเก่งคนดีของ กรุงเทพฯ / ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา / ศาลปกครอง เพราะเพิ่งยกเลิกคำขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน อ้างเหตุฉุกเฉินว่า ช่วงนี้เป็นหน้าฝนดินอ่อนตัว แล้วโรงแยกก๊าซใหม่ที่ไม่ตอกเสาเข็ม กำลังทดสอบระบบ (รวมถึงคณาจารย์ทางวิศวกรรมโยธาหลายท่าน-ไม่รู้ว่ามึน หรือไม่อยากเกี่ยวข้องให้ความเห็น) ทุกฝ่ายเงียบกันหมด

ปริมาณก๊าซ ที่คลังก๊าซ ปตท. ที่ขนาบด้วย โรงแยกก๊าซ ที่ไม่ได้ตอกเสาเข็ม มันมากกว่า ที่ระเบิดบนถนนเพชรบุรี 3พัน 4 พันเท่า โรงงานอันตรายในมาบตาพุด มีมากมายขนาดไหน พร้อมที่จะต้องระเบิดตามอีกกี่โรง เรื่องไม่ตอกเสาเข็มนี้ ดันถูกติงเตือนโดยวิศวกรโยธา ที่ทำงานฐานรากที่โรงแยกก๊าซ ปตท. แล้วคุณคิดกันว่าอย่างไร ขนาดไปก่อสร้างเองยังต้องออกมาเตือน เรื่องทรุดพังระเบิด!

คุณเคยสังเกตมั้ย ดินโคลนข้างถนน ดูท่าทางมันแข็งๆ แต่พอเหยียบลงไป มิดจมเท้าเลย ก้อนั่นแหระคุณสมบัติของดิน เมื่อเจอกับน้ำ เคยอ่านข่าวดินทรุดเป็นหลุมลึกมั้ย กลางเมืองก้อเกิด แผ่นดินไหวอีกล่ะเป็นข่าวจนเหมือนข่าวโจรปล้นจี้ น้ำท่วมหนัก-ฝนตกหนัก-หิมะตกหนัก-ร้อนจัด-หนาวจัด ในรอบหลายสิบหลายร้อยปีนั่นก้อด้วย ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงบ่อย เหมือนอากาศ คนไม่ได้เป็นหวัดแต่ตายไปที่ละเยอะมากๆ ท่ามกลางภัยธรรมชาติ ... ! (ที่เอาแน่นอนอะไรไม่ได้)

มีหลายคนบอก ถ้าเกิดอะไรขึ้น กับไอ้คลังก๊าซของโรงแยกก๊าซ ที่เทียบเท่ารถก๊าซ 4,200 คันนั่น ที่มันไม่ได้ตอกเสาเข็มทั้งหมด สึนามิไฟ ... มันจะโหมไหม้ มาบตาพุด พร้อมๆกันกับโหมไหม้ประเทศนี้ เพราะพื้นที่มาบตาพุด เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ที่เป็นผลผลิตมวลรวมของชาติ ถ้าปล่อยให้ตรงนี้ มันหมอดไหม้ ไปกับไฟระเบิด ของความเสี่ยงสูง ที่ ปตท. ซึ่งเป็น บริษัท กึ่งรัฐวิสาหกิจ ที่น่าเชื่อถือที่สุดของประเทศนี้ เป็นผู้ดำเนินการฯ มูลค่ารวม ... ตรงนี้เท่าไหร่ ที่จะหมอดไหม้ ไปกับเปลวเพลิงและสารพิษ

ลางสังหรณ์ ต้องพิสูจน์

คุณกดหาคำเหล่านี้ ใน GooGle ออกมาแล้วตามไปดูเลย มันออกมาอันแรกหลายรายการ กดเข้าไปดู

1. คำว่า PTT-GSP-6 หรือ PTT GSP6 หรือ PTTGSP6 ชื่อย่อของโครงการภาษาอังกฤษ โครงการขนาดใหญ่ กดทีไรเจอเรื่องของคนที่ท้วงติงเรื่องโรงแยกก๊าซ ปตท.เสี่ยง

2. คำว่า - ภาพหลุด นายกอภิสิทธิ์ กดทีไรเจอเรื่องของคนที่ท้วงติงเรื่องโรงแยกก๊าซ ปตท.เสี่ยง

ถ้าเป็นของ OKNATION ถูกแบน แต่กดดูได้ที่-แคช ตรงสุดข้อความในรายการที่หานั่นหล่ะ ขนาดสื่อเครือเนชั่น ที่ดูเหมือนเป็นสื่อน้ำดี ยังทำแบบนี้ ดังนั้นสื่ออื่นๆ ไม่ต้องหวัง รวมทั้งองค์กรที่สนใจสิ่งแวดล้อม ต่างๆ ในประเทศไทยด้วย รับเรื่องปุ๊บ รู้ว่าเป็นเรื่องโรงแยกก๊าซ แทบจะปล่อยหลุดมือ ไม่กล้าเปิดดู ไม่กล้าพูดคุย กลัวคน-ปตท. จะเห็น เป็นได้ขนาดนั้น ยังอ้างว่าตน เป็นหนึ่งในองค์การอิสระ ที่จะดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม

นั่นแหระ ... มันจะมาตรงนี้ ตรงที่บอกว่ามันเสี่ยงสูงมากจะทรุดพังระเบิด ตามที่สังหรณ์ / แล้วทำไมล่ะ ... คนที่ออกมาเขียนเรื่องนี้ มีข้อมูลรายละเอียดมากกว่า คนที่ไปขุดดินหล่อฐานรากยกแล้วมาตั้ง สร้างโรงแยกก๊าซ ให้ ปตท. เสียอีก และเคยคอยบอกว่า จะต้องทำอะไรๆ มาตั้งแต่ตอนต้นๆของโครงการ ดันต้องออกมาเตือน

ในฐานะวิศวกรโยธา ผู้ที่มีข้อมูลและมีลางสังหรณ์

19 มิถุนายน 2553

หมายเหตุ เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!


ลางสังหรณ์…..คุณเชื่อไหม

By โดมดอย on May 25th, 2010

ถ้ากล่าวคำนี้ ขอรวมถึงความหมายของชาวม้งที่เรียกว่า ua swv ua pug ด้วยเพราะไม่รู้ภาษาม้งบางคำ มีความหมายกว้าง เลยไม่มีคำจำกัดความ หรือมี แต่เราลืมไปบ้าง แต่ความหมายก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น จะเป็นบ้านหลังนั้น ตระกูลแซ่นั้น หรือทั้งหมู่บ้าน ต้อง caiv เพราะถือว่าการ caiv คือเว้นออกจากบ้าน หมู่บ้าน ช่วงเวลาเลวร้ายที่จะบังเกิดเหตุเลวร้ายขึ้น หากไม่มีผู้คนในช่วงเวลาดังกล่าว จะไม่มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้น ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงมาให้อ่าน เรื่องนี้ยายของโดมดอยเป็นคนเล่าให้ฟังและยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง เพราะยายเป็นคนป่ากลาง น่าน แต่ก่อนจะมาน่านยายอยู่แพร่มาก่อน ตอนเด็กจำไม่ได้ว่ายายบอกว่าเป็นพื้นที่ moos pes หรือ moos naab ปัจจุบันยายเสียชีวิตแล้ว หากท่านยังอยู่ อายุ ประมาณ 110-120 ปี

ยายเล่าว่ามีหมู่บ้านหนึ่ง อยู่กลางเขาแล้ววันหนึ่งมีงูตัวใหญ่สีเงินยวง ตกมาจากฟ้า เพราะอยู่ ๆ ก็หล่นลงมาได้ยินเสียงสนั่น งูเลื้อยไปไม่ไหว ชาวบ้านเลยฆ่าและแล่แบ่งกันกิน เว้นสองแม่ลูกท้ายบ้านที่ชาวบ้านรังเกียจว่ายากจน จึงไม่แบ่งให้ แล้วเย็นนั้นลมแรงครึ้มฟ้าฝน ฟ้าแดงก่ำทางทิศตะวันตกปานตะวันจะขึ้นอีกดวงทางทิศนี้ ค่ำนั้นมีชายแก่ผมสีขาวเป็นดอกเลาเดินมาเคาะประตูสองแม่ลูก และถามว่าได้กินเนื้องูกับเขาหรือไม่ สองแม่ลูกบอกว่าไม่ได้รับส่วนแบ่ง ชายแก่แจ้งว่าหากไม่ได้กินก็นำเฉลวมาปักหน้าบ้านไว้ (เฉลว คือ ไม้ไผ่ ที่สานเป็นรูปสี่เหลี่ยมเฉียง ๆ หรือ ntxaij เอาใบไม้เสียบไว้ที่เฉลวปักหน้าบ้าน แสดงถึงว่าบ้านนี้ caiv) คืนนั้นฟ้าฝนโครมคราม เสียงผู้คนต่างกรีดร้องโหยหวนเสียงม้าเสียงสัตว์เลี้ยงร้องระงม น่าสยดสยอง แต่สองแม่ลูกไม่กล้าออกนอกบ้าน เพราะกระต๊อบของตนก็สั่นไหว กลัวจะไปกับสายน้ำด้วยช่วงวิกฤตินานนับชั่วโมง แล้วทั้งสองก็หลับไป เช้าแล้วทั้งสองเปิดประตูกระต๊อบออกมา……แม่เจ้า….หมู่บ้านหายไป โดยสายน้ำกวาดหมู่บ้านไปทั้งหมดเว้นไว้แต่บ้านของนาง ซึ่งยังมีร่องรอยที่สายน้ำแยกแบ่งเป็นสองทางหลังบ้านและกวาดผู้คน บ้านเรือน สัตว์เลี้ยงไปไว้ที่ก้นเหว ทุกสิ่งเงียบ และเงียบ ไม่มีแม้สิ่งมีชีวิตใด ๆ นางและลูกมองตากันและแล้วทั้งสองต่างจับมือกันแน่น วิ่งและวิ่ง….ออกจากหมู่บ้าน ไปให้ไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้จากที่ตรงนั้น และมาโผล่ที่บ้านของยาย สองแม่ลูกเล่าให้ชาวบ้านที่บ้านยายฟัง ชาวบ้านจากหมู่บ้านของยายไปถึงก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไม่เหลืออะไรเลย……

ไม่ใช่นิทานนะยืนยัน และเมื่อไม่นานนี้ที่บ้านน้ำก้อ หล่มสัก เพชรบูรณ์ อยู่ ๆ ก็มีกวางวิ่งหลงมาในหมู่บ้าน ชาวบ้านช่วยกันจับได้และฆ่าแบ่งกันกิน และแล้วน้ำป่าไหลจากภูตาดฟ้าก็กวาดหมู่บ้านน้ำก้อราบไปกับสายน้ำ มีผู้เสียชีวิต 126 ราย บ้านเรือน สัตว์เลี้ยง ไร่นา เสียหายนับล้าน ๆ อีกเรื่องเกิดขึ้นกับญาติ ๆ ของโดมดอย ซึ่งเป็นพี่ชายแต่เป็นลูกลุง มีอาชีพค้าขายผ้า-ด้าย ให้ชาวม้ง พี่ต้องเดินทางไปขายในที่ที่มีม้งซึ่งไกลมาก ไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร คืนก่อนจะไป พี่ไปขายของมากำลังจะหุงข้าว พอตักข้าวสารเทใส่กะละมังที่จะซาวข้าว ปรากฏว่าข้าวสารกระเด็นออกจากกะละมังจนหมด พี่ตักอีกครั้งก็เป็นเหมือนเดิม แกเลยตักน้ำใส่กะละมังก่อนที่จะตักข้าวสารใส่ พอตักข้าวสารใส่แล้วแกเห็นน้ำที่จะล้างซาวข้าวสารเป็นสีเลือด แต่แกคิดว่าคงเพราะหิวนั่นเอง พอหุงข้าวและทานข้าว แกก็เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนพ่อค้าผ้าด้วยกันฟังเขาก็ทักแต่พี่แกไม่เชื่อ และแล้วรุ่งขึ้นแกเดินทางขึ้นดอยที่เชียงของ อย่ารู้เลยว่าบ้านอะไร มีคนม้งและแซ่เดียวกันกับพี่ชายย่องตามหลัง เพราะคิดว่าคงจะมีหลายตังค์ แอบฟันคอจากด้านหลัง พี่ชายไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอชีวิต โจรใจเหี้ยมผู้นั้นได้รื้อค้นข้าวของ-ผ้า เอาไปบางส่วน พวกเราทราบข่าวว่าพี่ชายเสียชีวิตก็เดินทางช่วงเย็นจากบ้านไปที่เชียงของ ระหว่างทางคุยกันเรื่องยาเสพติด ตอนนั้นฝิ่น ยังเป็นที่นิยม เราสัญญากันว่าเราไปเรื่องทุกข์ร้อนบางคนที่ขออาศัยไปกับรถคันนี้ อย่าแอบแฝงด้วยการซื้อฝิ่นกลับมา….เพราะมีด่านตรวจมากมาย กลัวภารกิจเราจะเสีย หากใครจงใจทำขอให้มีอันเป็นไป

nam_kor_flood

เมื่อรถไปถึงโรงเรียนป่าไม้แพร่ เราได้กลิ่นเน่า ๆ ก็บอกพี่สาวอีกคนว่าได้กลิ่นไหม เขาบอกว่าอย่าทักไม่ดีไปงานศพ เราก็ไม่พูดสักครู่ประมาณเวลาเที่ยงคืนรถแหกโค้งเส้นทางที่กำลังจะขึ้นเขาเป็นโค้งศอก คนอื่น ๆ เจ็บเล็ก ๆ น้อย โดมดอยกระดูกไหปลาร้าขวาหัก แต่มีสองคนที่เราคาดว่าน่าจะแอบแฝงเพราะมีอาชีพลับ ๆ ทางยาเสพติดแต่เป็นญาติ ห้ามแล้วก็ยืนยันว่ารักพี่คนที่ตายนี้มากต้องไปให้ได้ แต่ต้องเจ็บหนักที่สุดถึงผ่าตัด และที่สำคัญตอนแรกไปกันหลายคน แต่ไป ๆ มา ๆ เหลือ 13 คนพอดี ทำไมช่างเหมาะเจาะที่เลข 13 ที่คนม้งถือเสียด้วย (ฝรั่งก็ถือ) เพราะคนตาย เมื่อตายครบ 13 วันจะทำพิธี xw หรือ ib tsug 13 hnub ส่วนที่เจ็บก็รักษา ส่วนที่ไม่เป็นไรก็ไปงานศพต่อ ล่าสุดก่อนพี่สาวจะเสียชีวิตวันเสาร์ นั่งดูทีวี รู้สึกว่ามีแมลงหรือผีเสื้อสีดำตัวใหญ่บินไปมา ใต้บันไดขึ้นชั้นบน เมื่อมองจากหางตาซ้ายผ่านช่องประตูที่จะเดินขึ้นชั้นบน เอะใจเลยลุกมาดูปรากฏว่าเป็นค้างคาวสีดำกำลังบินไปมาเพื่อหาทางออก เลยนำไม้กวาดหยากไย่มาไล่แต่ก็ไม่ยอมออก จึงไม่ได้สนใจ สักครู่มองไปไม่เห็นบินอีกจึงเดินไปดู เห็นตกอยู่ที่ขั้นบันได จึงคีบไปนอกบ้าน และมันก็บินลับหายไป โดมดอยข้องใจว่าค้างคาวกลางวันจะหาที่นอนไม่มาบินว่อนอยู่ทั่วไป แต่เพราะเหตุใดมันจึงมาบินเข้าบ้าน ใจไม่ดีอยู่เหมือนกัน แต่พยายามคิดว่าคงไม่มีอะไร และไม่ได้ไปเยี่ยมพี่สาวทั้งที่ป่วยหนัก แต่ก่อนหน้าก็ไปเยี่ยมและพอพูดคุยกันได้บ้าง หลังจากนั้น 3 วันพี่ก็เสีย หลายคนบอกว่า เหคุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นการส่งข่าวแจ้งข่าวให้ไปเยี่ยม หรือแจ้งเตือนว่าจะมีการสูญเสียคนที่เรารักก็ได้

อภินิหารที่อยู่เหนืออำนาจควบคุมของมนุษย์ยังมีอีกมาย ความลึกลับ ซับซ้อน….อย่าบอกว่าไม่มี อาจไม่มี ….หรือมี แต่ไม่กล้ารับไม่กล้าปฏิเสธ ซึ่งแท้จริงใด ๆ ในโลกยังมีสิ่งที่ยังสรุปไม่ได้อีกมากมาย หรือบางอย่างอาจเป็นธรรมชาติส่งทูตมาบอกข่าว แต่ไม่เชื่อ แล้วยังทำร้ายเข่นฆ่าทูตมาเป็นอาหาร จึงอภัยไม่ได้ ฟ้าดินจึงลงโทษ ปัจจุบันมีเหตุการณ์สัตว์ป่าหลงทิศทางเข้าหมู่บ้านมากมาย เช่นที่เข็กน้อย มีลิงหลงมาในหมู่บ้าน หรือ กระทิงหลงเข้ามาที่ท่าพลหล่มสัก และอีกหลาย ๆ อย่าง หลายที่ที่เราไม่รู้ข่าว นี่คือลางบอกเหตุอะไรหรือไม่ ไม่ต้องเชื่อโดมดอย แต่อย่าประมาท เพราะสิ่งที่แน่นอนก็คือสิ่งที่ไม่แน่นอนนั่นเอง.

ความจริง ที่ดิฉัมมีลางสังหรณ์แม่น ... เมื่อนานมาแล้ว

ก่อนจะ เกิดสึนามิ ดิฉันทำ กระติกน้ำ ตกน้ำเลอะพื้นห้องไปหมด แล้วก็มาทำ ถังน้ำถูพื้น หกอีกทั้งๆที่ปรกติ ไม่เคยทำหกมาก่อน แล้วก็ทำ น้ำกระเจี๊ยบ หกอีก สีแดงเหมือนเลือดเลอะไปหมดเลย ( ช่วงนั้นทำน้ำหกบ่อยมากๆ) ตอนเปิดไพ่ดูดวง ให้ลูกค้า ( 10กว่าคน) ในการเรียงดูไพ่ การเดินทาง 10 ทิศ - ดูว่าไปทิศไหนจะดี จะได้คู่ไหม หรือจะรวยไหม มี ทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ตกเฉียงเหนือ ออกเฉียงเหนือ ตกเฉียงใต้ ออกเฉียงใต้ / เดินทางน้ำ เดินทางบก/ ปรากฏว่า ลูกค้าทุกคนที่ดิฉันดูดวงให้ช่วงนั้น ได้ไพ่แห่งความตาย กับ ไพ่หอคอยแห่งความพินาศ(อุบัติเหตุ เรื่องร้ายไม่คาดฝัน) ทุกคนแล้ว ไพ่เดส กับ ไพ่หอคอยแห่งความพินาศ จะขึ้นในทิศใต้ กับ ทิศตกเฉียงใต้ ตลอด อาจจะ สลับตำแหน่งบ้าง แต่ สรุปได้ว่า ไพ่ในทิศใต้และทิศตกเฉียงใต้ มีแต่ไพ่เลวขึ้น ส่วนใหญ่จะ ขึ้นแต่ไพ่เดส กับ ไพ่หอคอยแห่งความพินาศแถบทุกคน ตอนนั้นกลัวมาก

กลัวจะมีการ วางระเบิด ( เพราะรู้สึกหลอนเหมือน ถูกผีหลอกคะ) มีบ้าง ในบางท่านขึ้นไพ่ตัวอื่น แต่ก็ไม่มีใครได้ไพ่ดีเลยนะคะ เท่าที่จำได้มีแต่ไพ่ 10 ดาบ( ตกม้าตาย) ไพ่ 9 ดาบ( ทุกข์สาหัส) ไพ่คนห้อยหัว ( ป่วย ทุกข์ใจสาหัส) ตอนนั้นคนตายเยอะมาก แต่ดิฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนะคะ ก็แค่มีลางไม่ดีมาเตือนเท่านั้นเอง แต่ คราวนี้ทั้งไม่สบายและมีดบาดด้วย

+++++++++++++++++++++

ดิฉันเคยเจอ ระเบิดที่มีการวางใน กทม ด้วยนะคะ ดิฉันสงสัยจะเป็นระเบิด เลยบอกให้คนแถวน้าน ถอยออกมา แล้วก็วิ่งไปตามเจ้าหน้าที่มากู้(เป็นระเบิดของจริงคะ วางในแหล่งคนเยอะมากๆด้วยแต่เขาปิดข่าว) คิดว่ามันคงเอา วางในห้างไม่ได้เพราะเขามีจุดตรวจ เลยเอามาวางด้านนอกแทน ก่อนจะเจอระเบิด ก็ฝันว่า เอามีดกรีดหน้าตัวเองจนเสียโฉม คะ ก่อนจะเกิด ไฟไหม้ อาคารเสือป่า พลาซ่า ตอน 2 ทุ่มที่ห้างบิ๊กซี แถวบ้าน หม้อไฟหน้าห้าง บนเสาสูง ระเบิดเสียงดังลั่น ประกายไฟพุ่งสูง เหมือน พลุลอยฟ้าเลยคะ ดิฉันไม่เห็นตอนมันเป็นลูกไฟ ล่วงลงมา แต่ ถามคนที่เห็นเพราะดิฉันแค่ได้ยินเสียงระเบิด เลยวิ่งไปดูตอนไปดู มันก็เห็นหม้อแปลงไหม้จนดำ แต่ไม่เห็นประกายไฟ แถวนั้นถ้ามีวัตถุไวไฟคิดว่าไหม้แน่ๆ

to be happy
=o'_'o=อรมณีจันทร์พยากรณ์ http://tarot.is.in.th
อรมณีจันทร์สมุนไพรและของขลังhttp://tarotonline.is.in.th


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย อรมณีจันทร์ : 05-01-2009 เมื่อ 11:48 PM



เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!
เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!
เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!
เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!
เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!
เพื่อช่วยส่งต่อๆกันๆด้วย เพื่อหยุดไฟจากนรก!


จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

บทความที่ได้รับความนิยม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.