จริงใจหรือแค่พูดให้ดูดี - นายกฯลั่นห้ามขยายอุตสาหกรรมร้ายแรงมาบตาพุด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาในการสัมมนาหัวข้อ “ พลิกความท้าทายสู่โอกาสประเทศไทย 2554 ” ที่ ESAP Hall ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ในวาระครบรอบ 40 ปี บมจ.เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป และก้าวสู่ปีที่ 24 นสพ.กรุงเทพธุรกิจว่า ความท้าทายเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมนั้นเรื่องของมาบตาพุดทำให้เราเปลี่ยนเป็นโอกาสในการสร้างกติกาใหม่ในเรื่องอุตสาหกรรม ซึ่งจังหวัดระยองเป็นจังหวดที่มีกิจกรรมอุตสาหกรรมเยอะมาก แต่คนระยองไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีมหาวิทยาลัย ไม่หลักประกันในเรื่องความปลอดภัยของสุขภาพ
ดังนั้นจึงต้องปรับปรุงในสิ่งที่คนระยองถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมทั้งกติกาการอยู่ร่วมของอุตสาหกรรมกับชุมชนทั้งเรื่องแนวกันชน ระบบการติดตาม การไม่บังคับใช้กฎหมาย ที่สำคัญตนมีความคิดว่าจะห้ามขยายอุตสากรรมที่มีความร้ายแรงเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มีทางพัฒนาพื้นที่อื่นได้เลย
ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องสร้างความยอมรับในพื้นที่ก่อน การพัฒนาจะไม่พัฒนาก่อนแล้วตามแก้ทีหลัง ดังนั้นต้องวางกติกาก่อน และโดยหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจเราไม่จำเป็นต้องมีทุกอุตสากรรมในประเทศไทย ซึ่งในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจหรือกรอ.ตนจำไม่ได้ ซึ่งตนโดนต่อว่าทำไม่รัฐบาลไม่ทำอุตสากรรมนั้นอุตสหากรรมนี้ แต่ตนบอกว่าไม่มีประเทศไหนมีทุกอุตสาหกรรมไม่เช่นนั้นจะมีการค้าขายทำไม
ความมักง่ายบกพร่องอย่างกว้างขวางและทำเป็นระบบ เลิกใส่ใจถามไปเลย เรื่อง CSR กับภาคอุตสาหกรรมมักง่าย
ความมักง่ายบกพร่องอย่างกว้างขวางและทำเป็นระบบ เลิกใส่ใจถามไปเลย เรื่อง CSR กับภาคอุตสาหกรรมมักง่าย
แค่เพียงสำนึกง่ายๆ โรงงานเสี่ยงมากมาย ที่มีอยู่วันนี้ จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น แต่เพราะความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ปัญหาจึงสุดเยียวยาแก้ไข ขนาดรัฐบาลยังไม่กล้าแตะ กลัวกระทบเศรษฐกิจ แต่ทิ้งความเสี่ยงมหาศาลให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ และคิดต่อไปว่า จะไม่มีเหตุร้าย ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีก
ขณะนี้ คนทั่วโลกกำลังให้ความใส่ใจและตระหนักถึงหายนะภัยจากภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ นักการเมืองในหลายประเทศ เริ่มปรับปรุงกฎหมายที่จะควบคุมการดำเนินการต่างๆ ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น เพราะความมักง่ายประมาท สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อสรรพชีวิตและสภาวะแวดล้อม การควบคุมที่สูงขึ้นอาจจะทำให้เกิดรายจ่าย จากผลกำไรมหาศาลของธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ควรจะลดกำไรลงเพื่อสร้างความแข็งแรงปลอดภัยในการดำเนินการต่างๆ เพราะเวลาเกิดปัญหาขึ้นแล้วไม่สามารถควบคุมและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เช่นการรั่วไหลของ แท่นเจาะ BP ในอ่าวเม็กซิโก, แท่นเจาะของ ปตท. ในทะเลติมอร์, การระเบิดของท่อส่งน้ำมันในจีน ล้วนสร้างปัญหาใหญ่หลวง
แต่บัดนี้รัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ ที่ขาดต่อมสำนึกด้านความปลอดภัย เฉยชาที่จะตรวจสอบ การดำเนินการกับโครงสร้างพื้นฐาน รากฐานที่จะต้องทำให้แข็งแรงมั่นคง เพื่อรองรับระบบต่างๆ ของโรงงานก๊าซไวไฟขนาดใหญ่ ที่มีคลังก๊าซไวไฟจำนวนมหาศาล มากกว่าที่เคยระเบิดในเม็กซิโกเมื่อปี 1984 ถึง 7 เท่า และกำลังจะดันทุรังเปิดใช้โรงงานเหล่านี้ แม้ได้รับการท้วงติงซ้ำๆ ถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้ฐานรากที่ไม่ตอกเสาเข็ม อ้างว่าดินปรับถมใหม่นั้น บดอัดแล้วจนแข็งแรงมาก ดินสามารถรับน้ำหนักมากกว่าบริเวณใกล้เคียง ถึง 3 เท่า ถ้าโรงงานนี้ไม่ได้อยู่ติดตลาดอยู่ใกล้ชุมชน ทั้งยังมีโรงงานสารเคมีอันตรายรายล้อมจำนวนมาก เรื่องนี้จะไม่น่ากังวลมากเลย แต่วันนี้ รายแสนชีวิตจะได้รับผลกระทบร้ายแรง เพียงการทรุดเพียงเล็กน้อยของโครงสร้างสำคัญต่างๆ ที่จะทำให้ระบบท่อแตกเสียหาย ก๊าซไวไฟรั่วไม่สามารถควบคุมได้ การระเบิดลุกลามของก๊าซแอลพีจีไปยังคลังก๊าซขนาดใหญ่ มีความเป็นไปได้สูง ความเฉยชาของรัฐบาลไทย ที่จะตรวจสอบ-ซ่อมเสริมให้แข็งแรง ทิ้งความเสี่ยงมหาศาลให้ผู้คน และสภาวะแวดล้อม เรื่องราวนี้ได้ส่งไปยัง เจโทร-กรุงเทพ ( ) ซึ่งมีอิทธิพลในด้านการลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไทย แต่ทำได้แค่หวังว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเท่านั้น
ทำไมผู้บริหารต้องสนใจ CSR แล้วพูดให้ดูดี และเน้นโฆษณาสร้างภาพ
ในหนังสือการสร้างสังคมน่าอยู่กับการทำธุรกิจและสิ่งแวดล้อม "ผู้บริหารไทยใส่ใจชุมชนและสิ่งแวดล้อม" ที่จัดทำโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม เครือปูน ซิเมนต์ไทย และสถาบัน สิ่งแวดล้อมไทย ที่น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง CSR ที่มีเพียงจำนวนไม่มากนักในไทย โจทย์ที่หนังสือตั้งไว้น่าสนใจโดยเฉพาะในประเด็นว่า "ทำไมผู้บริหารต้องสนใจเรื่อง CSR"
เพราะ CSR หรือความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจกลายเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของประเทศพัฒนาแล้วนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการทำ
การค้ากับประเทศต่างๆ องค์กรหลายแห่งนำเรื่อง CSR มาเป็นประเด็นสื่อสารทางการตลาด บางองค์กรยังนำเรื่อง CSR มาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี ดังนั้นหากธุรกิจยังไม่ปรับตัวท้ายที่สุดอาจถูกปฏิเสธการร่วมทำธุรกิจด้านต่างๆ ทั้งด้านการค้าและการลงทุน
ในปี 2542 นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการ องค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้องค์กรธุรกิจทั่วประเทศแสดงความเป็นพลเมืองที่ดีของโลก (good global citizenship) โดยเสนอบัญญัติ ที่ชื่อ The UN Global Compact และมีองค์กรธุรกิจเป็นสมาชิกในปัจจุบัน 1,861 องค์กร เป็นองค์กรในไทย 13 บริษัทจากธุรกิจในประเทศกว่า 1,600,000 ราย กระแสนี้เริ่มเข้มข้นและจริงจังขึ้นในโลกมาตั้งแต่ปี 2543 โดยเฉพาะยุโรปที่เสมือนตัวขับเคลื่อนสำคัญผ่าน "แนวปฏิบัติสำหรับบรรษัทข้ามชาติ" (Guildlines for MNE"s-Revision 2000) ซึ่งเสนอให้บรรษัทข้ามชาติมี CSR มากกว่านั้นยังเสนอให้บรรษัทข้ามชาติติดต่อค้าขายกับบริษัทที่มี CSR เท่านั้น
ในอดีตที่มักมุ่งเน้นความเป็นเลิศในเชิงธุรกิจด้วยการแข่งขันด้านราคาโดย "ลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไร" เป็นหลัก
แต่เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยนไปหันมาให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและภาพลักษณ์ของสินค้าในเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อม ธุรกิจจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้ความสำคัญถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร เพื่อให้ผู้บริโภคสนใจและต้องการซื้อสินค้า ความรู้สึกไว้วางใจอาจส่งผลไปถึงความวางใจในผลิตภัณฑ์อื่นของบริษัทที่ส่งผลให้องค์กรมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นและมีส่วนแบ่งการตลาดที่มั่นคง
การรับผิดชอบต่อสังคมจึงเป็นมิติหนึ่งในการกระตุ้นให้ภาคธุรกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในหนังสือยังยกกรณีศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่า การทำธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบนั้นส่งผลต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกประเทศ ต่อสุขภาพ ความเจ็บปวด และความสูญเสียนานัปการ รวมถึงกรณีพิพาทระหว่างประเทศในหลายกรณี เช่น คดี Trail Smelter ที่บริษัทในแคนาดาดำเนินกิจการถลุงแร่ตะกั่วและสังกะสีห่างจากชายแดนสหรัฐ 10 ไมล์ และก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศกลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่ศาลอนุญาโตตุลาการสั่งให้แคนาดาชดใช้ค่าเสียหาย หรือกรณีในไทยเช่นกรณีการปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้ ที่โรงแต่งแร่ปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำห้วยและพบว่าประชาชนที่ใช้น้ำมีระดับตะกั่วในเลือดสูง ปัจจุบันยังมีหมู่บ้านที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 8 หมู่บ้าน
เมื่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต้องทำจากภายใน สิ่งที่องค์กรทำได้ เช่น การลดพลังงาน ประหยัดน้ำ ฯลฯ ซึ่งไม่เพียงแต่สังคมและสิ่งแวดล้อมได้ ท้ายที่สุดองค์กรได้รับผลนั้นเช่นกัน
มีการหยิกยกตัวอย่างที่น่าสนใจมาเปรียบเทียบให้เห็น อาทิ การลดการใช้ไฟฟ้าโดย การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ของบริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ที่เปลี่ยนหลอดไฟในเซ่เว่นฯ 30 สาขาเป็นหลอดผอม ใช้บัลลาสต์ อิเล็กทรอนิกส์ บำรุงรักษาแอร์อย่างมีประสิทธิภาพ จากเดือนกันยายน 2547-พฤษภาคม 2548 สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 90 ล้านบาท หรือกรณีของ "บุญรอดบริวเวอรี่" นำสิ่งที่ได้จากระบบบำบัดน้ำเสียแบบ UASB มาใช้ผลิตก๊าซมีเทนซึ่งใช้ทดแทนน้ำมันเตา และสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง 14 ล้านบาทต่อปี
นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ทำให้เห็นว่า เพราะเหตุใดจึงถึงเวลาที่ "ผู้บริหาร" จะต้องหันมาให้ความใส่ใจเรื่อง CSR เสียที !!
หน้า 52
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพดีๆ ที่ชอบวาดกัน สร้างภาพกัน แต่ไร้จิตสำนึกที่แท้จริง
อุบัติเหตุ - ความมักง่าย หรือ แก้ปัญหาไม่ได้ ยามมีเหตุ ของ ภาคทุนอุตสาหกรรม แบบ ปตท.
รายงานการสอบสวนของรัฐบาลออสเตรเลียชี้ชัดว่า บริษัทลูกของ ปตท.สผ.ที่ได้รับสัมปทานให้ทำการขุดเจาะน้ำมันในบริเวณนอกชายฝั่งทางตอนเหนือของแดนจิงโจ้ ดำเนินงานด้วย “ความบกพร่องอย่างกว้างขวางและอย่างเป็นระบบ” จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสเตรเลีย ทั้งนี้ มาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีทรัพยากรแดนจิงโจ้ แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้(24)
พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย (PTTEP Australasia) กิจการในเครือของบริษัท ปตท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) หรือ PTTEP เป็นผู้ดำเนินการขุดเจาะน้ำมันในแหล่ง “มอนทารา ” ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลติมอร์ ณ บริเวณนอกชายฝั่งทางตอนเหนือของออสเตรเลีย โดยเขตน่านน้ำดังกล่าวยังมีความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติเป็นอย่างมาก และรัฐมนตรีเฟอร์กูสันบอกกับรัฐสภาออสเตรเลียว่า รายงานการสอบสวนของรัฐบาลแดนจิงโจ้พบว่า พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย บกพร่องล้มเหลวไม่ได้มีการดำเนินงานตามหลักแห่งการประพฤติปฏิบัติที่ “สมเหตุสมผล”
“ความบกพร่องอย่างกว้างขวางและอย่างเป็นระบบในกระบวนวิธีดำเนินงานของ พีทีทีอีที ออสตราเลเชีย คือสาเหตุโดยตรงที่ทำให้การควบคุมที่ดีต้องขาดหายไป” เฟอร์กูสันบอก “การประพฤติปฏิบัติอันอยู่ภายใต้การควบคุมที่ดี ซึ่งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับตรวจสอบแล้วนั้น เป็นสิ่งที่เพียงพอป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียการควบคุมที่ดี อย่างไรก็ตาม พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ไม่ได้ยึดมั่นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติเหล่านี้ หรือกระทั่งอยู่กับมาตรฐานแห่งการก่อสร้างที่ดีของบริษัทเอง”
นอกจากนั้นรายงานยังได้แนะนำรัฐบาลให้พิจารณาทบทวนเรื่องการออกใบอนุญาตให้บริษัทแห่งนี้ขุดเจาะน้ำมันที่แหล่งมอนตารา และกล่าวว่าถ้าหากไม่ถอนใบอนุญาต รัฐบาลก็ควรต้องแสดงเหตุผลว่าทำไมสิทธิของพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ที่จะดำเนินงานในดินแดนของออสเตรเลีย จึงไม่บังควรที่จะถูกเพิกถอน อีกทั้งรายงานยังเรียกร้องให้พิจารณาทบทวนการทำงานของกรมทรัพยากรแห่งนอร์เทิร์นแทร์ริทอรีด้วย
อย่างไรก็ดี เฟอร์กูสันบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ออสเตรเลียจะไม่ให้นักลงทุนภายนอกเข้ามาในอุตสาหกรรมทรัพยากรของออสเตรเลีย โดยที่ในปัจจุบันทรัพยากรของแดนจิงโจ้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง สืบเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย
ทั้งนี้ พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ซึ่งต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการทำความสะอาดน้ำมันที่ไหลทะลักออกมาคราวนี้ ยังกำลังถูกตามจี้เรียกค่าเสียหายจากอินโดนีเซีย ที่ระบุว่าคราบน้ำมันที่รั่วไหลได้แผ่ไปจนถึงชายฝั่งของแดนอิเหนาด้วย
เหตุร้ายที่แหล่งน้ำมันมมอนตาราคราวนี้ เกิดขึ้นภายหลังเกิดการระเบิดบนฐานขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล “เวสต์ แอตลาส” ในวันที่ 21 สิงหาคม 2009 ทำให้ต้องมีการเร่งอพยพคนงานออกไป ขณะที่มีน้ำมันดิบไหลทะลักลงทะเลอยู่เรื่อยๆได้มีความพยายามหลายอย่างหลายประการเพื่อควบคุมน้ำมันที่กระจายตัวออกไป ทว่าไม่ประสบผล จวบจนกระทั่งถึงวันที่ 3 พฤศจิกายนจึงสามารถอุดรอยรั่วได้สำเร็จ
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า พีทีทีอีพี เอเอ ได้เสนอแผนการปรับปรุงแก้ไขประสิทธิภาพในการทำงาน ให้แก่รัฐบาลออสเตรเลีย หลังจากสิ้นสุดการสอบสวนและได้ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงแก้ไขนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำเสนอผลความคืบหน้าต่อรัฐบาลออสเตรเลียเป็นระยะๆ มาโดยตลอด
สำหรับ แผนการปรับปรุงแก้ไขนี้ได้รับคำชมเชยจากหัวหน้าคณะสอบสวนว่าเป็นแผนที่มีความสมบูรณ์และน่าชื่นชม ครอบคลุมจุดอ่อนของการปฏิบัติงานที่คณะกรรมการสอบสวนได้ระบุไว้อย่างครบถ้วน โดยต่อไปต้องรอผลสรุปจากคณะทำงานอิสระรายงานตรงรัฐมนตรีออสซี่เพื่อชี้ขาดเรื่องดังกล่าว
นายอนนต์ กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจว่า พีทีทีอีพี เอเอ จะสามารถพัฒนาแหล่งมอนทาราต่อเนื่องได้ โดยไม่น่ามีผลทำให้ต้องถูกทบทวนเพิกถอนใบอนุญาตในการพัฒนาแหล่งมอนทารา เพราะที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงแก้ไขประสิทธิภาพในการทำงานมาโดยตลอดเกือบ 12 เดือนแล้ว และได้นำเสนอผลความคืบหน้าต่อรัฐบาลออสเตรเลียเป็นระยะๆ ซึ่งผลการปฏิบัติตามแผนการปรับปรุงแก้ไขนี้ จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่รัฐบาลออสเตรเลียได้
โดย ขณะนี้บริษัทฯยังคงปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแท่นเจาะสำรวจมอนทาราที่เสียหายจากไฟไหม้ต่อไป คาดว่าแหล่งมอนทาราจะผลิตน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งหลังปี 2554 ประมาณ 3-.35 หมื่นบาร์เรล/วัน
โรงงานสารเคมีในจีน ระเบิด 21 พ.ย. 53
ปักกิ่ง 21 พ.ย. – สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นวันนี้ว่า เกิดเหตุโรงงานสารเคมีระเบิดในภาคเหนือของจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และได้รับบาดเจ็บ 37 คน
โรงงานแห่งนี้ผลิตสารเคมีหลากหลายประเภทตั้งแต่ สารปรุงแต่ง อาหารทั่วไป จนถึงสารเคมีซับซ้อนที่ใช้ในการผลิตพลาสติกและกระดาษ รัฐบาลจีนระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 187 คน จากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในแต่ละวัน.- สำนักข่าวไทย
The blast occurred Saturday night in the city of Jinzhong, in northern Shanxi province, at the Yushe Chemical Co, the official Xinhua news agency reported, citing a provincial government statement.
The cause of the explosion was still under investigation, the report said, adding that firefighters had worked into the early hours of Sunday to put out the fire caused by the blast.
The factory produced an array of chemicals ranging from common food additives to compounds used in making plastics and paper, according to the company website.
Two of the injured were in serious condition, the report said.
In China, considered one of the world's most dangerous places to work, an average of 187 people were killed in work-related accidents on each day in the first half of this year, the government has said.
Plant fire put out after 14 hours
By Lan Tian and Wang Huazhong (China Daily)
Updated: 2010-11-22 07:37
YUSHE, Shanxi - Rescuers on Sunday managed to put out a massive fire triggered by an explosion at a chemical plant in Shanxi province's largest chlor-alkali production base that killed four workers and injured 37 others on Saturday.
It took more than 100 firefighters a marathon 14 hours to put out the fire, which completely gutted the four-story Yushe Chemical Engineering Company plant, where some 2,700 people are employed, in the province's Yushe county.
The company's factories have been sealed off for the police "to investigate the cause of the incident", police told China Daily on Sunday.
The explosion that occurred at 7:10 pm on Saturday left three workers dead on the scene while the body of the fourth victim was recovered on Sunday morning.
Ren Li, 26, who was working in an adjacent plant, said: "It was like an earthquake. There was a big bang. I ran out of the plant immediately even though my legs were hurt because of the broken glass."
The local government said, of the 37 workers hospitalized, 34 were wounded by broken glass.
As of midday on Sunday, most of the injured workers had been discharged from hospital.
Hao Xiaohu, a doctor at the county hospital, said three of the injured were still lodged in the intensive care unit.
Residents of Nanxiangyang village, a stone's throw from the plant, said they fled their homes following the explosion fearing more blasts and the presence of toxic gas.
"I was lucky I didn't get hurt," said 47-year-old Lian Xinglong, whose roof was dented due to the intensity of the explosion.
"But as you can see, my house is not safe to live in now. I'm thinking of moving into my daughter's house."
The county government on Sunday reiterated on its website that "the provincial environment bureau has found no substance exceeding (intolerable) standards in the air of the factory zone, and the factory has not discharged waste water after the blast".
Footage from the China Central Television showed thick fume rising up from the fire, with the broadcaster saying it was coming out of "a broken chlorine pipe".
The latest government announcement added, "No polyvinyl chloride (PVC, a plastic product) was detected in the air of neighboring villages. Water quality of the local Zhanghe River runs up to the standards and the environment is basically not affected."
Zhang Bo, a police official with the county's public security bureau, said that villagers living nearby returned home after an environmental assessment proved the area was safe to live in.
However, Liu Zili, a senior consultant from Golder Associates, a global company providing consulting services in the areas of geotechnics and the environment, said a conclusion has yet to be summarized based on comprehensive monitoring of the emission density in the affected area.
"Indeed, chlorine is toxic to respiratory tracts for a few days. However, it would have an enduring effect when it contacts soil and water to form an organic compound containing chlorine, which is normally carcinogenic."
YUSHE, Shanxi -- ผู้ปฏิบัติการในวันอาทิตย์ที่มีการจัดการที่จะนำออกจากเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดที่โรงงานเคมีในฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด Shanxi คลอ - ด่างที่ฆ่าสี่คนงานและได้รับบาดเจ็บ 37 คนอื่น ๆ ในวันเสาร์ที่
มันใช้เวลากว่า 100 ดับเพลิงมาราธอน 14 ชั่วโมงในการดับไฟที่สมบูรณ์ gutted สี่ชั้น Yushe โรงงานวิศวกรรมเคมี บริษัท ที่บาง 2,700 คนมีงานในเขตจังหวัดของ Yushe
โรงงานของ บริษัท ฯ ได้รับการปิดผนึกสำหรับตำรวจ"เพื่อตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"ตำรวจบอกจีนรายวันในวันอาทิตย์ที่
การระเบิดที่เกิดขึ้นที่ 7:10 ในวันเสาร์ที่เหลือสามคนที่ตายในฉากขณะที่ร่างกายของเหยื่อที่สี่ที่กู้คืนได้ในวันอาทิตย์ตอนเช้า
Ren Li, 26, ผู้ที่ทำงานในโรงงานที่อยู่ติดกันกล่าวว่า"มันเป็นเหมือนแผ่นดินไหวเกิดปังใหญ่ผมขับรถออกจากโรงงานได้ทันทีถึงแม้ว่าขาของฉันได้เจ็บเพราะกระจกแตก..."
รัฐบาลท้องถิ่นกล่าวว่าการรักษาในโรงพยาบาลคนงาน 37, 34 ได้รับบาดเจ็บจากกระจกแตก
ณ เที่ยงวันในวันอาทิตย์ที่พนักงานส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
เฮา Xiaohu, คุณหมอที่โรงพยาบาลมณฑลกล่าวว่าทั้งสามได้รับบาดเจ็บถูกยื่นในหอผู้ป่วยยังคงเข้มข้น
ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Nanxiangyang, หินของโยนจากพืช, กล่าวว่าพวกเขาหนีไปบ้านของพวกเขาต่อไปนี้การระเบิด blasts หวาดกลัวมากขึ้นและมีอยู่ของก๊าซพิษ
"ผมโชคดีฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ,"47 ปี Lian Xinglong ซึ่งมีหลังคาเป็นเว้าแหว่งเนื่องจากความรุนแรงของการระเบิดดังกล่าว
"แต่เท่าที่คุณสามารถเห็นบ้านของฉันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ในตอนนี้. ฉันคิดว่าในการเคลื่อนย้ายเข้าไปในบ้านของลูกสาวของฉัน."
รัฐบาลเขตเมื่อวันอาทิตย์ที่ย้ำในเว็บไซต์ว่า"สำนักสิ่งแวดล้อมจังหวัดพบสารเกินมาตรฐาน (มากเกินไป) ในอากาศของโซนโรงงานไม่และโรงงานยังไม่ปล่อยน้ำเสียหลังการระเบิด"
ฟุตเทจจากสถานีโทรทัศน์กลางของจีนมีความหนาเพิ่มขึ้นจากควันไฟที่มีผู้ประกาศข่าวบอกเป็นออกมาจาก"ท่อคลอรีนแตก"
ล่าสุดรัฐบาลประกาศเพิ่ม"โพลีไวนิลคลอไรด์ไม่ (พีวีซี, ผลิตภัณฑ์พลาสติก) ถูกตรวจพบในอากาศของหมู่บ้านใกล้เคียง. คุณภาพน้ำในแม่น้ำ Zhanghe ท้องถิ่นทำงานได้ถึงมาตรฐานและสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปไม่ได้รับผลกระทบ.
Zhang Bo, เจ้าพนักงานตำรวจกับสำนักรักษาความปลอดภัยของประชาชนมณฑลกล่าวว่าชาวบ้านอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกลับบ้านหลังจากการประเมินสิ่งแวดล้อมพื้นที่พิสูจน์ได้ปลอดภัยที่จะอยู่สิ่งต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามหลิว Zili ซึ่งเป็นที่ปรึกษาระดับอาวุโสจาก Golder Associates, บริษัท ระดับโลกที่ให้บริการให้คำปรึกษาในด้านการ geotechnics และสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าข้อสรุปยังไม่ได้สรุปขึ้นอยู่กับการตรวจสอบที่ครอบคลุมของความหนาแน่นของการปล่อยก๊าซในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
"แท้จริงคลอรีนเป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจผืนสองสามวัน. แต่มันจะมีผลยั่งยืนเมื่อดินและน้ำที่ติดต่อในรูปแบบสารอินทรีย์ที่มีคลอรีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ตามปกติ."
มันใช้เวลากว่า 100 ดับเพลิงมาราธอน 14 ชั่วโมงในการดับไฟที่สมบูรณ์ gutted สี่ชั้น Yushe โรงงานวิศวกรรมเคมี บริษัท ที่บาง 2,700 คนมีงานในเขตจังหวัดของ Yushe
โรงงานของ บริษัท ฯ ได้รับการปิดผนึกสำหรับตำรวจ"เพื่อตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"ตำรวจบอกจีนรายวันในวันอาทิตย์ที่
การระเบิดที่เกิดขึ้นที่ 7:10 ในวันเสาร์ที่เหลือสามคนที่ตายในฉากขณะที่ร่างกายของเหยื่อที่สี่ที่กู้คืนได้ในวันอาทิตย์ตอนเช้า
Ren Li, 26, ผู้ที่ทำงานในโรงงานที่อยู่ติดกันกล่าวว่า"มันเป็นเหมือนแผ่นดินไหวเกิดปังใหญ่ผมขับรถออกจากโรงงานได้ทันทีถึงแม้ว่าขาของฉันได้เจ็บเพราะกระจกแตก..."
รัฐบาลท้องถิ่นกล่าวว่าการรักษาในโรงพยาบาลคนงาน 37, 34 ได้รับบาดเจ็บจากกระจกแตก
ณ เที่ยงวันในวันอาทิตย์ที่พนักงานส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
เฮา Xiaohu, คุณหมอที่โรงพยาบาลมณฑลกล่าวว่าทั้งสามได้รับบาดเจ็บถูกยื่นในหอผู้ป่วยยังคงเข้มข้น
ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Nanxiangyang, หินของโยนจากพืช, กล่าวว่าพวกเขาหนีไปบ้านของพวกเขาต่อไปนี้การระเบิด blasts หวาดกลัวมากขึ้นและมีอยู่ของก๊าซพิษ
"ผมโชคดีฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ,"47 ปี Lian Xinglong ซึ่งมีหลังคาเป็นเว้าแหว่งเนื่องจากความรุนแรงของการระเบิดดังกล่าว
"แต่เท่าที่คุณสามารถเห็นบ้านของฉันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ในตอนนี้. ฉันคิดว่าในการเคลื่อนย้ายเข้าไปในบ้านของลูกสาวของฉัน."
รัฐบาลเขตเมื่อวันอาทิตย์ที่ย้ำในเว็บไซต์ว่า"สำนักสิ่งแวดล้อมจังหวัดพบสารเกินมาตรฐาน (มากเกินไป) ในอากาศของโซนโรงงานไม่และโรงงานยังไม่ปล่อยน้ำเสียหลังการระเบิด"
ฟุตเทจจากสถานีโทรทัศน์กลางของจีนมีความหนาเพิ่มขึ้นจากควันไฟที่มีผู้ประกาศข่าวบอกเป็นออกมาจาก"ท่อคลอรีนแตก"
ล่าสุดรัฐบาลประกาศเพิ่ม"โพลีไวนิลคลอไรด์ไม่ (พีวีซี, ผลิตภัณฑ์พลาสติก) ถูกตรวจพบในอากาศของหมู่บ้านใกล้เคียง. คุณภาพน้ำในแม่น้ำ Zhanghe ท้องถิ่นทำงานได้ถึงมาตรฐานและสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปไม่ได้รับผลกระทบ.
Zhang Bo, เจ้าพนักงานตำรวจกับสำนักรักษาความปลอดภัยของประชาชนมณฑลกล่าวว่าชาวบ้านอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกลับบ้านหลังจากการประเมินสิ่งแวดล้อมพื้นที่พิสูจน์ได้ปลอดภัยที่จะอยู่สิ่งต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามหลิว Zili ซึ่งเป็นที่ปรึกษาระดับอาวุโสจาก Golder Associates, บริษัท ระดับโลกที่ให้บริการให้คำปรึกษาในด้านการ geotechnics และสิ่งแวดล้อมกล่าวว่าข้อสรุปยังไม่ได้สรุปขึ้นอยู่กับการตรวจสอบที่ครอบคลุมของความหนาแน่นของการปล่อยก๊าซในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
"แท้จริงคลอรีนเป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจผืนสองสามวัน. แต่มันจะมีผลยั่งยืนเมื่อดินและน้ำที่ติดต่อในรูปแบบสารอินทรีย์ที่มีคลอรีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ตามปกติ."
เหมืองระเบิด เทคโนโลยี่ ดีแค่ไหน ก้อระเบิดได้
|
ทุกที่มีมาตรฐานสูง ลงทุนสูงมาก ใช้เทคโนโลยี่สูงมาก แต่ก้อทรุดพัง ทำสภาวะแวดล้อม-หายนะ
Deadliest Accidents
Incident | Fatalities | |
---|---|---|
1. Piper Alpha Occidental's Piper Alpha platform was destroyed by explosion and fire in 1988. 167 workers were killed in the blaze. | 167 | |
2. Alexander L. Kielland In 1980, the accommodation rig Alexander L. Kielland capsized during a storm after a leg support brace failed. | 123 | |
3. Seacrest Drillship The Seacrest drillship capsized in 1989 during Typhoon Gay, with the loss of 91 crew. | 91 | |
4. Ocean Ranger A ballast control malfunction caused the Ocean Ranger to capsize during a ferocious storm in the North Atlantic in 1982, with the loss of all hands. | 84 | |
5. Glomar Java Sea Drillship Another storm fatality, the Glomar Java Sea capsized and sank during Typhoon Lex in 1983 with the loss of all on board. | 81 | |
6. Bohai 2 In 1979, the jack-up Bohai 2 capsized and sank in a storm while on tow off the coast of China. | 72 | |
7. Brent Field Chinook Helicopter A Chinook helicopter shuttle between the Brent Field and Sumburgh crashed into the North Sea in 1986 with only two survivors. | 45 | |
8. Enchova Central During a blowout on the Enchova Central off Brazil, 42 workers lost their lives attempting to evacuate the platform. | 42 | |
9- C. P. Baker Drilling Barge Built in 1962 using an uncommon catamaran design, the C. P. Baker drilling barge burned and sank after a shallow gas blowout. | 22 | |
9- Mumbai (Bombay) High North A support vessel collided with Mumbai High North in 2005, rupturing a riser and causing a major fire that destroyed the platform. | 22 | |
9- Usumacinta Storm winds caused the Usumacinta jack-up to strike the adjacent Kab-101 platform, resulting in a fatal evacuation and blowout in 2007. | 22 |
Source:
Various sources
Collapse
Incident | Fatalities | |
---|---|---|
Alexander L. Kielland In 1980, the semi-submersible accommodation rig Alexander L. Kielland capsized during a storm after a leg support brace failed. | 123 | |
Al Mariyah Whilst skidding the rig cantilever, the jack-up Al Mariyah collapsed and lost its derrick onto the platform below. | 4 | |
Maersk Victory A punch-through caused extensive damage to the Maersk Victory while working in Australian waters in 1996. | 0 | |
Ocean Prince The UK-built semi-sub Ocean Prince, finder of the first UK offshore oil, broke up off England's east coast during a storm in 1967. | 0 | |
Parker 14-J Drilling Barge Failure of the jacking mechanism caused the Parker rig to collapse in 2003. | 0 | |
Ranger I After being jacked up on location in 1979, the rig Ranger I collapsed due to fatigue in the stern leg. | 8 | |
Sea Gem One of the first drilling rigs in the North Sea, the Sea Gem collapsed in 1965 as a result of metal fatigue. | 13 | |
Transocean 3 A rare self-elevating semi-submersible, the Transocean III capsized and sank East of Orkney after a jackable leg broke away in 1974. | 0 |
Alexander L. Kielland was a Norwegian semi-submersible drilling rig that capsized whilst working in the Ekofisk oil field in March 1980 killing 123 people.
The capsize was the worst disaster in Norwegian waters since World War II. The rig, located approximately 320 km east from Dundee, Scotland, was owned by the Stavanger Drilling Company of Norway and was on hire to the U.S. company Phillips Petroleum at the time of the disaster. The rig was named after the Norwegian writerAlexander Lange Kielland.
The rig was built as a mobile drilling unit at a French shipyard, and delivered to Stavanger Drilling in July 1976. The floating drill rig was not however used for drilling purposes but served as a semi-submersible 'flotel' providing living quarters for offshore workers. By 1978 additional accommodation blocks had been added to the platform, so that up to 386 persons could be accommodated.[1]
In 1980 the platform was working in the Norwegian north sea providing offshore accommodation for the production platform Edda 2/7C.
Contents[hide] |
Alexander L. Kielland
Rig: | Alexander L. Kielland Semi-Sub |
Date: | 27 March 1980 |
Location: | Ekofisk Field, Norwegian Continental Shelf |
Operator: | Phillips Petroleum |
Fatalities: | 123 |
Summary
The Alexander L. Kielland was a Pentagon-type semi-submersible and, in 1980, was located in the Ekofisk Field for Phillips Petroleum. It was supporting the Edda rig, acting as a so-called flotel (a floating hotel) for workers who travelled between the two rigs via a bridge, although this bridge had been raised prior to the accident due to gale force conditions. Around 1830 hours on 27 March 1980, one of the main horizontal braces supporting one of the five legs failed. The failure of the brace was attributed to a fracture which had developed around a hole in which a hydrophone, used to aid the positioning of the rig, had been installed. After the failure of the first brace, the remaining five braces attached to the leg failed in quick succession causing the leg to break off. The rig almost immediately listed to one side at an angle of 35 degrees, partially submerging the main deck and accommodation block.
The initial collapse occurred within a minute but the Kielland remained floating for another 14 minutes or so after the initial failure. During this time, a number of attempts were made to launch lifeboats, with only two of the seven lifeboats launched successfully. Three of the lifeboats were smashed against the rig's legs as result of the storm winds and waves whilst being lowered, leading to a number of casualties. After around 15 minutes, as water flowed into another two of the rig's legs, the last anchor wire parted and the rig rolled over completely with only the undersides of its legs visible above the surface.
There were 212 men aboard: 123 perished and only 89 survived the accident. On top of the high winds and waves, the men also faced near freezing waters with little protection. While some men did manage to swim to the Edda Platform to save themselves, others were swept away by 10m waves and strong currents as they attempted to reach rescue boats or other rigs.
Attempts were made to right the rig in 1980 but were abandoned due to the rig's dangerous state. In 1983, the rig was successfully righted and investigated before being towed to Nedstrand Fjord, where the remains of the rig were deliberately sunk. While the official investigation concluded that the leg bracing broke as a result of fatigue in a weld, later evidence was put forward indicating that the rig had been deliberately sabotaged with explosives. No new official inquiry was undertaken but the sabotage theory can be read in detail at the F.A.L.K. website.
ศูนย์เตือนภัยพิบัติ แห่งชาติ'ไร้ประสิทธิภาพ - เก็บไว้อ่าน
|
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Fire Explosion in Thai Oil Safety Lesson Learned: Fire Explosion in Thai Oil Location of Incident: Thailand ไฟไหม้ถังเก็บน้ำมันไทยออยส์ ปี 1...
-
องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ได้กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกโดยมีวัตถุประสงค์ในการรณรงค์และรักษาสิ่งแวดล้อ...
-
ความมักง่ายบกพร่องอย่างกว้างขวางและทำเป็นระบบ เลิกใส่ใจถามไปเลย เรื่อง CSR กับภาคอุตสาหกรรมมักง่าย แค่เพียงสำนึกง่ายๆ โรงงานเสี่ยงมากมาย ที่...
- 2012 (2)
- 2011 (17)
-
2010
(42)
- ธันวาคม(1)
-
พฤศจิกายน(11)
- จริงใจหรือแค่พูดให้ดูดี - นายกฯลั่นห้ามขยายอุตสาหก...
- ความมักง่ายบกพร่องอย่างกว้างขวางและทำเป็นระบบ เลิก...
- อุบัติเหตุ - ความมักง่าย หรือ แก้ปัญหาไม่ได้ ยามมี...
- โรงงานสารเคมีในจีน ระเบิด 21 พ.ย. 53
- เหมืองระเบิด เทคโนโลยี่ ดีแค่ไหน ก้อระเบิดได้
- ทุกที่มีมาตรฐานสูง ลงทุนสูงมาก ใช้เทคโนโลยี่สูงมาก...
- ศูนย์เตือนภัยพิบัติ แห่งชาติ'ไร้ประสิทธิภาพ - เก็บ...
- GREEN DIARY WEB น่าสนใจ
- มาบตาพุด แนะชาวบ้าน เผาขยะในชุมชน กลบกลิ่นพิษ โรงง...
- ภูเขาไฟ “เมราปี” - ระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า...
- ใครๆ ก้ออยากมาลงทุนในไทย เพราะเวียตนามเจอภัยธรรมชา...
- ตุลาคม(14)
- กันยายน(9)
- สิงหาคม(7)